รถยนต์ไร้คนขับ: บนถนนสู่อนาคต

รถยนต์ไร้คนขับพาโลกเราเข้าใกล้ภาพยนตร์ไซไฟอีกระดับ หลังฝ่ายพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ (Self Driving Car) ของ Google ยกระดับขึ้นเป็นอีกหนึ่งบริษัทลูกของ Alphabet ภายใต้ชื่อ Waymo เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

ปลายปีที่แล้ว Waymo เซ็นสัญญาร่วมงานกับ Fiat Chrysler Automobiles (FCA) เพื่อสร้างรถมินิแวนตัวโปรโตไทป์ที่ไม่มีพวงมาลัยและคันเร่งหรือเบรคขึ้นและเปิดตัวแบบเบาๆด้วยวิดีโอคลิปชุดนี้

 

8 ปีนับแต่เริ่มพัฒนาโปรเจคท์ และกำลังจะทดลองวิ่งครบ 3 ล้านไมล์ ในเดือนพ.ค. John Krafcik CEO ของ Waymo กล่าวถึงแนวทางของบริษัทว่าจะไม่ผลิตรถของตนเอง แต่จะซัพพอร์ตผู้ผลิตรถยนต์ที่ต้องการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้มากกว่า

ยกตัวอย่างเคสตัวโปรโตไทป์นั้น ทาง Waymo จะรับผิดชอบทั้งเรื่อง ซอฟต์แวร์ เซนเซอร์ต่างๆ รวมถึง ไลดาร์ (Light Detection and Range = LIDAR*) เพื่อให้ทุกส่วนทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกลืน

LIDAR คือ???
ไลดาร์ เป็นเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศที่ทำงานในแบบเดียวกับ เรดาร์ (Radar) โดยวัดระยะจากระยะเวลาในการเดินทางของเลเซอร์ ที่เดินทางจาก Sensor ไปยังวัตถุเป้าหมาย และเดินทางกลับมายัง Sensor เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้กลับมาประมวลผลเป็นโครงสร้างภูมิประเทศ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นต้นไม้ ตึกรามบ้านช่อง ฯลฯ ในลักษณะ 3 มิติ

อุปกรณ์นี้จะติดตั้งอยู่บนหลังคารถยนต์ไร้คนขับ เพื่อทำหน้าที่เปรียบเสมือน “ตา” ของรถนั่นเอง

คีย์แมสเซจหนึ่งที่ Krafcik กล่าวไว้ คือต้นทุนของ ไลดาร์ ต่อเครื่องที่เคยสูงถึง 75,000 ดอลลาร์ เมื่อ 2-3 ปีก่อน ปัจจุบันลดลงไปราว 90% แล้ว แต่ประสิทธิภาพกลับสูงขึ้น โดยรุ่นล่าสุดสามารถจับวัตถุขนาดเดียวกับหมวกกันน็อคได้ ในระยะที่ห่างออกไปถึง 2 สนามฟุตบอล (200 หลา หรือ 180 เมตร)

การเจรจากับ ฮอนด้า ผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นที่สนใจในเทคโนโลยีนี้เช่นกัน สอดคล้องกับแนวคิดของ นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ตั้งเป้าให้มีรถยนต์ไร้คนขับเป็นแท็กซี สำหรับสัญจรในโอลิมปิก 2020

และรัฐบาลญี่ปุ่นก็ตั้งใจใช้โตเกียวเกมส์ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมสาธารณูปโภคไว้รองรับคนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่จะเป็นผู้สูงอายุในอนาคตอันใกล้ เพราะเมื่อคนมีอายุมากขึ้นแล้วนั้นความสามารถในการขับรถอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แต่สำหรับประเทศไทยของเรานั้นเรื่องน่าสนใจก็คือบางทีการใช้รถยนต์ไร้คนขับ อาจช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่นำไปสู่การเสียชีวิต ที่เราติดอันดับต้นๆของโลกได้มากกว่าพัฒนาวินัย และ ความรับผิดชอบของคนขับรถหรือเปล่า

เหมือนที่ “โมโคโคม่า” นักวิพากษ์สังคมและนักปรัชญาชาวแอฟริกาใต้กล่าวไว้ว่า

 

“the traffic light doesn’t stop the car; the driver does”
“ไฟแดงไม่ได้หยุดรถ…. คนขับหยุด”

หรือบางทีการใช้นวัตกรรมรถยนต์ไร้คนขับ (Self Driving Car) อาจพาประเทศเราไปข้างหน้ามากกว่าขับกันเองแบบเดิมๆ

Subscribe to Our Newsletter

Loading
Total
0
Shares
Previous Article

จาก Watson ถึง Flow Machines: เจ้าหน้าที่ประเมินสินไหม & บทเพลงสมองกล

Next Article
สตาร์ทอัพไทย

5 สตาร์ทอัพไทยในเวทีโลก

Related Posts