เมื่อเสาร์ที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ถือเป็นวันเกิดครบรอบ 13 ปีของ Facebook โซเชียลเน็ตเวิร์คเบอร์หนึ่งของโลกพอดี หลังจาก Mark Zuckerberg, Dustin Moskovitz, Chris Hughes และ Eduardo Saverin เปิดตัว “The Facebook” เป็นครั้งแรกในปี 2004
และนี่คือไทม์ไลน์ฉบับย่อ เพื่อให้คุณๆรู้จักกับโลโก้ f สีน้ำเงินที่ใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้ให้ดีขึ้น
เดือน ธ.ค. 2004 มีผู้ลงทะเบียนใช้งานครบ 1 ล้านคน
20 ก.ย. 2005 เปลี่ยนชื่อจาก The Facebook เป็น Facebook
1 ต.ค. 2005 เปิดให้บริการ Facebook Photos เป็นครั้งแรก
2006 เริ่มให้บริการ Facebook ผ่านโมบายล์ดีไวซ์
2009 เริ่มใช้งานปุ่ม like เป็นครั้งแรก
18 พ.ค. 2012 เข้าสู่ตลาดหุ้น
4 ต.ค. 2012 มีผู้ใช้บริการถึงหลักพันล้านคน
และในโอกาสครบรอบ 13 ปี Facebook เลยถือโอกาสปรับปรุงวิธีการเสิร์ชหาภาพให้ดีขึ้น ด้วยความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) “Lumos”
เพราะปัญหาหนึ่งของผู้ใช้ Facebook คือการค้นหาภาพจำนวนมหาศาลในคลังที่เคยโพสต์ไว้
ที่ผ่านมา การเสิร์ชหาภาพใน Facebook นั้น ถูกจำกัดไว้ด้วยเวลา สถานที่ ข้อความที่กำกับไว้ หรือการ tag ฉะนั้น ต่อให้เป็นภาพถ่ายหน้าของเราเอง แต่หากไม่มีการ tag ไว้ ก็มีโอกาสที่ระบบจะค้นไม่เจอ ถือเป็นข้อด้อยในระบบเสิร์ชของ Facebook เมื่อเทียบกับ Google หรือ Apple ที่ผู้ใช้สามารถค้นหารูปที่ต้องการจากคอนเทนท์ในภาพนั้นได้
ด้วยเหตุนี้ Facebook จึงหันมาให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการพัฒนา AI ของตน เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีขึ้น จนเป็นที่มาของ Lumos
Lumos ถูกฝึกให้เรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีที่เรียกว่า FBLearner Flow และ Automatic alt tex (ATT) ร่วมกับ AI อื่นๆขององค์กร จนสามารถจดจำและแยกแยะใบหน้าของเราได้จากคลังข้อมูลมหาศาลในเซิร์ฟเวอร์ และสามารถเรียกข้อมูลเหล่านั้นกลับมาแสดงได้เมื่อมีการเสิร์ชหา
นอกจากคุณสมบัติดังกล่าว Lumos ยังสามารถบรรยายได้ว่าในภาพนั้นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงระบุว่ามีวัตถุใดหรือมีใครบ้างเท่านั้น ซึ่งคุณสมบัตินี้จะเป็นประโยชน์มาก สำหรับผู้ใช้งานที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น
จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ ปัญญาประดิษฐ์ เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา Facebook ก็หันมาใช้ AI เพื่อช่วยในการกรองข่าวเท็จ นอกเหนือจากการรีพอร์ทโดยผู้ใช้งาน หรือ Watson ของ IBM ก็ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการพิจารณาค่าสินไหมของบริษัทประกันแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น รวมถึงปัญญาประดิษฐ์อีกมากมายที่จะมาทำหน้าที่แทนมนุษย์เราในอนาคตอันใกล้
ในเมื่อโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เราใช้ ยังพัฒนาต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง เราทุกคนในฐานะผู้ใช้ก็คงหยุดนิ่งไม่ได้เช่นกัน
Better be AHEAD
#AHEADASIA
SOURCE:
Building scalable systems to understand content
code.facebook.com/posts/1259786714075766/building-scalable-systems-to-understand-content/
Facebook AI Lumos Can Find Your Photos Even Those You Are Not Tagged In
www.techtimes.com/articles/195788/20170203/facebook-ai-lumos-can-find-your-photos-even-those-you-are-not-tagged-in.htm
Facebook to outline Lumos, its machine learning platform for images
www.zdnet.com/article/facebook-to-outline-lumos-its-machine-learning-platform-for-images/