ดิ อินเตอร์เนชันแนล หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เผย นครดูไบ เดินหน้าแผนปรับโฉมเมือง ทั้งในการเป็นสมาร์ทซิตี้ และผู้นำด้านพลังงานสะอาด ด้วยการสั่งซื้อ Tesla Model S และ X จำนวนสองร้อยคัน เพื่อใช้เป็นแท็กซี่สำหรับรับส่งผู้โดยสาร พร้อมตั้งเป้าเพิ่มจำนวนรถยนต์ไร้คนขับเป็น 25% ภายในปี 2030
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla เดินทางไปร่วมในงาน World Government Summit เพื่อพบกับ Mattar Al Tayer ผู้อำนวยการทั่วไปและประธานบอร์ดของหน่วยงานด้านคมนาคมของนครดูไบ (อาร์ทีเอ) ก่อนลงนามในสัญญา และเตรียมส่งมอบรถซีดานรุ่น Model S และรถ SUV รุ่น Model X ซึ่งติดตั้งระบบออโตไพล็อต เพื่อลดภาระของผู้ขับ และเพิ่มความปลอดภัย สำหรับใช้เป็นแท็กซี่ลิมูซีนร่วมกับรถยี่ห้ออื่นๆของ Dubai Taxi Corporation
นอกจากข้อตกลงดังกล่าว Musk ยังเดินทางไปเปิดสำนักงานแห่งใหม่ของ Tesla ในดูไบแล้ว เพื่อซัพพอร์ตในด้านการซ่อมบำรุง รวมถึงส่งมอบรถให้กับลูกค้ารถยนต์พลังงานสะอาดด้วย
และในวันเดียวกัน อาร์ทีเอ ก็ทำการเปิดตัวอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) สำหรับโดยสารหนึ่งที่นั่ง eHang 184 ไปพร้อมกัน โดยสามารถรับน้ำหนักได้สูงสุด 100 กก. บินด้วยความเร็ว 160 กม./ชม.ได้นาน 30 นาที หรือระยะทางประมาณ 50 กม. ด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว
การออกคำสั่งเพื่อเดินทางจะใช้การสัมผัสจากจอทัชสกรีนเพื่อระบุปลายทาง โดยไม่มีอุปกรณ์บังคับอื่นๆ และผ่านการทดสอบการบินที่เนวาดา ในสหรัฐมาแล้ว
กระนั้น ดร. Steve Wright อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมการบินของมหาวิทยาลัย West of England ก็ยังมองว่าควรมีการทดสอบบินพร้อมผู้โดยสาร เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 1 พันชั่วโมง ก่อนนำมาใช้งานจริง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
มุมมอง AHEAD ASIA:
แม้จะมีพื้นฐานในการเมืองท่าสำคัญสำหรับตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกามาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจของดูไบนั้นเน้นไปที่การท่องเที่ยวเป็นหลัก เสริมด้วยอุตสาหกรรมไอทีและการเงิน
การเดินหน้าแผนสมาร์ทซิตี้ นอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ด้านความเป็นผู้นำในนวัตกรรมใหม่ๆด้วย
เห็นได้จากตัวอย่างในวิดีโอที่นอกจากจะใช้รถยนต์พลังงานสะอาดแบบไร้คนขับแล้ว ยังเสริมด้วยเทคโนโลยี AR (augmented reality) บนกระจกรถเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเลือกเส้นทางที่จะไปได้ตามต้องการ
นวัตกรรมที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตเหล่านี้ น่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว และ แรงงานคุณภาพ ช่วยให้ดูไบก้าวไปเป็น “เมืองท่าทางนวัตกรรม” ของตะวันออกกลาง เหมือนที่สิงคโปร์ทำสำเร็จในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้