“ทำอย่างไร เมื่อเส้นทางของ UBER ไม่ราบรื่นเหมือนประสบการณ์ ของผู้โดยสาร”
แม้ UBER จะช่วยให้การเดินทางของผู้โ
ทีมงาน AHEAD.ASIA จึงถือโอกาสเสนออีกมุมของ “สตาร์ทอัพ” ที่เป็นไอดอลของคนรุ่นใหม่พร้อมบทสัมภาษณ์พิเศษ อดีตพนักงานระดับผู้จัดการข
เพื่อให้ได้รับรู้ว่าว่าโปรแกรมเรียกรถสีดำไม่ได้มี
Are you ready for a long bumpy UBER ride?
“แท็กซี่ไทย จะไม่ทน”
ปัญหาเรื่อง UBER กับแท็กซี่ไทยนั้น มีมาตั้งแต่เมื่อช่วงกลางๆ ปี 2557 ที่พวกเขาเริ่มเข้ามาให้บริ
นอกจากนี้การแนะนำคนอื่นแล้
อันเป็นไอเดียที่ Garrett Camp เสนอกับ Travis Kalanick ในตอนที่สองผู้ก่อตั้ง เริ่มคิดถึงการสร้างบริการเรียกรถแท็กซี่ที่ง่าย หลังหารถกลับโรงแรมไม่ได้หลังจากออกเที่ยวกลางคืนในปารีส ซึ่งไอเดียนั้นก็ดูจะได้ผลมาตลอด
แต่หลังจากการเปิด
ความจริงแล้ว ในช่วงนั้นทางกรมขนส่งไม่ได้พยายามจัดระเบียบ Uber เท่านั้น พวกเขายังพยายามจัดมาตรฐานของแท็กซี่ด้วยเช่นกัน มีการระงับการปรับขึ้นราคา
เป็นการแสดงให้เห็นถึงค
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เรื่องราวของความพยายามในการจะระเบียบขนส่งมวลชนของประเทศไทยก็จางหายไป ก่อนกลับมาเป็นประเด็นอี
และในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมานั้น “นายวรพล แกมขุนทด” นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่ร
จะว่าไปแล้วสิ่งที่สมาค
“วุ่นวายมาแล้วทั่วโลก”
การขยายบริการไปยัง 528 เมืองทั่วโลกนั้นนอกจากจะทำให้ชื่อของ UBER เป็นที่คุ้นเคยกับผู้โดยสารทั่วโลกแล้ว ความวุ่นวาย และการประท้วงต่างๆ ก็กลายเป็นความคุ้นเคยกับ UBER ด้วยเช่นกัน โดยมีครั้งที่สำคัญได้แก่
การประท้วงทั่วยุโรป เมื่อ11 มิถุนายน 2014 ในหลายเมืองใหญ่ในทวีปยุโรป
การปิดปารีสเมื่อ 25 มิถุนายน 2015 ที่จงใจให้เกิดขึ้นในขณะที่
การเดินขบวนที่ “อินโดนีเซีย” เดือนมีนาคม 2016 โดยคนขับแท็กซี่กว่าพันคนก็
ขณะที่ในอเมริกาใต้ การประท้
จริงๆแล้วยังมีความวุ่นวายใ
นั่นทำให้เห็นว่านอกจากด้านที่ส
AHEAD.ASIA จึงติดต่อเพื่อคุยกับอดีตพนักงานระดับผู้จัดการ ที่มีส่วนสำคัญในการขยายกิจ
“คุยกับ Ex-Uber”
แหล่งข่าวชาวต่างชาติของเรา
“นี่เป็นเรื่องปกติมากสำหรั
“ซึ่งรูปแบบหนึ่งที่พวกเขาน่าจะนำมาใช้เร็วๆนี้ คือการพยายามกระตุ้นให้คนขั
อดีตพนักงาน Uber เล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เขาเคย
“ตอนนี้ผมมองว่าพวกเขาทำสิ่
“อ่อ….คุณเอาไปเล่าได้เต็
นั่นคือสิ่งที่แหล่งข่าว อดีตพนักงาน Uber ให้ข้อมูลกับเราถึงเรื่องที่เขาผ่านมา แต่เราก็ยังอยากรู้ด้วยว่า เขาจะมองอย่างไรกับสิ่งที่จ
“เด็กดื้อที่รอวันเติบโต”
แหล่งข่าวคนเดิมบอกต่อว่า เหตุการณ์ในเมืองไทยนั้นเป็
“All the staff that are seen as being part of the culture problem they have, are being asked to leave. They’ll hire fresh talents in their place“
“สตาฟที่มีส่วนกับวัฒธรรมที่เป็นปัญหากำลังถูกเชิญออกไ
เมื่อเราถามว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนให้สตาร์ทอัพรา
“They are full of great people who I respect massively. They’ll definitely be ok in the long run. Just part of their maturing business….Can’t be the aggressive bad boys anymore”
“พวกเขายังมีคนระดับสุดยอดที่ผมยอมรับในความสามารถอย่า
“หมดเวลาของเด็กดื้อที่เอาแ
ความเป็นเด็กดื้อเอาแต่ใจที่แหล่งข่าวของเราพูดถึงนั้น หมายถึงหลายครั้งที่อูเบอร์ใช้ความพวกมากลากไป หรือ เอาความมั่นคงทางหน้าที่การงานของคนขับรถพวกเขามาขู่ เหมือนครั้งหนึ่งที่ขู่จะถอนตัวออกจากฮุสตัน ที่มีขนขับร่วม 100,000 คน หนึ่งอาทิตย์ก่อนซูเปอร์โบว์ล เมื่อไม่ได้อย่างใจ หรือกรณีเอาคนขับ 10,000 คนในออสตินเป็นตัวประกัน เมื่อถูกบังคับให้เก็บลายนิ้วมือ และ เช็คประวัติอาชญากรรม เหมือนแท็กซี่ทั่วไป ซึ่งเราใช้เป็นกรณีศึกษาในช่วงท้ายของบทความนี้
“ผลัดใบกันใหม่…มีใครไปบ้
รายงานล่าสุดแจ้งว่าในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้มีผู้บริหารระดับสูงของเลือ
โดยผู้บริหารระดับสูงทั้ง 7 รายที่ว่า ได้แก่
* Jeff Jones, Uber’s president
* Brian Mclendon, Uber’s VP of maps and business platform
* Gary Marcus, head of Uber AI Labs
* Raffi Krikorian, senior director of engineering at Uber’s Advanced Technologies Centre
* Charlie Miller, a key member of Uber’s self-driving car team
* Amit Singhal, SVP of engineering
* Ed Baker, Uber’s VP of product and growth
แต่สิ่งที่อาจเปลี่ยนแปลงอูเบอร์ มากกว่าการจากไปของผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ คือกระแสข่าวลือที่ว่า อาจมีการเปลี่ยน CEO เกิดขึ้น
สื่อที่รายงานเรื่องนี้ไ
ทว่าแหล่งข่าวอีกรายของ BBC มองว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้ ณ เวลานี้เรื่องราวที่สั่นสะเทือนวงการสตาร์ทอัพดังกล่าวยั
แต่ที่ไม่ใช่ข่าวลือ คือ ผู้คร่ำหวอดในวงกา
แต่อะไรล่ะที่ทำให้ใครหลายค
“ปีแห่งมรสุม จากภายในองค์กร”
คำตอบก็คือในช่วงหลังๆนั้น Travis Kalanick CEO ของ Uber ขยันขึ้นหน้าหนึ่งในเรื่องที่ไม่ควรขึ้นเท่าไหร่ CEO วัย 40 รายนี้เริ่มต้นปีใหม่ ด้วยการสร้างค
นั่นทำให้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับทวีตข
ก่อนที่ในเดือนกุมภาพันธ์ Travis Kalanick จะขึ้นหน้าหนึ่งอีกครั้ง เมื่อวีดีโอบันทึกภาพเขาพูด
แต่เรื่องใหญ่สุดคือการที่มี อดีตพนักงาน Uber มาเปิดเผยว่า พวกเขาเป็นองค์กรที่กดขี่เพ
ประเด็นต่างๆเหล่านี้สร้างความบอบช้ำให้กับแบรนด์ข
“ถูกฟ้องจาก Investor ของตัวเองในข้อหาขโมยนวัตกรรม ทั้งที่ทำได้แย่”
เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Waymo ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจรถขับเค
จากการที่ Anthony Levandowski ซึ่งเคยเป็นวิศวกรที่ Waymo ดาวน์โหลดไฟล์กว่า 14,000 ชิ้น ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับ LiDAR เทคโนโลยีสำคัญของ Waymo รวมอยู่ด้วย ก่อนที่เขาจะลาอ
แต่ตลกร้ายของเรื่องนี้ก็คือ ทั้งๆที่พวกเขาถูกฟ้องร้องว่าขโมยเทคโนโลยีรถไร้คนขับ ทว่าข่าวล่าสุดที่หลุดรอดออ
เพราะที่ผ่านมาแม้พวกเขา
ถ้าสตาร์ทอัพจากซ
ความจริงประเด็นเหล่านี้ต่า
“บทเรียนจาก Austin Texas”
ออสติน เป็นเมืองหลวงของรัฐเท็กซัส
มันก็เป็นอย่างนั้นมาซั
( เป็นแทคติกเดียวกับที่ Ex-Uber ที่ให้สัมภาษณ์กับ AHEAD.ASIA กล่าวถึง )
เชื่อกันว่าสาเหตุที่ทำให้ Uber กับ Lyft ไม่ต้องการให้พิมพ์ลายนิ้วมือ และ ตรวจสอบประวัติเพราะสร้างความยุ่งยากให้กั
การพยายามให้คนสามารถขับได้
ซึ่งหลังจากการถอนตัวของ Uber กับ Lyft นั้น แม้จะมีความขลุกขลักในรอยต่
ที่น่าสนใจก็คือ สตาร์ทอัพรายเล็กกว่าทั้ง 3 เจ้านี้นั้นยอมที่จะทำตามกฎของออสติน และ แบ่งผลตอบแทนให้กับคนขับมาก
โมเดลของ RideAustin นั้นมีความน่าสนใจที่สุด เพราะเป็น Open Source ไม่หวังผลกำไร ให้คนเลือกบริจาคได้ และสามารถหยิบไปใช้ในที่อื่
“แท็กซี่เมืองไทย ไปไหนกันต่อนอกจากเติมแก๊ส”
หากสังเกตจะพบว่าช่วงที่ UBER มีปัญหานั้น ความแตกต่างระหว่างกรุงเทพ กับ ออสติน คือกระแสของมวลชนของทั้งสองเมืองนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่พลเมืองออสตินเลือกที่จะยืนข้างกฏระเบียบ แต่ประชากรของกรุงเทพ และ คนไทยเลือกที่ยืนข้างการบริการที่ได้มาตรฐาน และ มีประสิทธิภาพมากกว่า
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนไทยไม่เคารพกฏหมาย แต่อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ คนขับแท็กซี่บางส่วนก็ไม่ปฏิบัติตามกฏหมายมาก่อนทั้ง ปฏิเสธผู้โดยสาร ไม่กดมิเตอร์แต่ใช้ระบบเหมา โกงมิเตอร์ รวมถึงการบริการที่สอบตก นั่นทำให้ในเมื่อไม่ต่างฝ่ายต่างผิดทั้งคู่ ประชาชนจึงตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองดีกว่า
นั่นทำให้จริงๆแล้วในวันนี้การพิจารณาปัญหานี้ อาจไม่สามารถมองแค่ประเด็นเล็กๆอย่างจะเอา Taxi หรือจะเอา UBER กับ GRAB เท่านั้น แต่อาจต้องพิจารณาในภาพกว้างถึงความไม่มีประสิทธิภาพ และ มาตรฐานของระบบขนส่งมวลชลในภาพรวม เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรมีส่วนร่วมในการแก้ไข และ ได้รับข้อมูลหลายๆ ด้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมงาน AHEAD.ASIA พยายามทำ ซึ่งหากมีส่วนไหนที่คุณอยากเพิ่มเติม หรือ แก้ไขก็เสนอแนะเข้ามาได้ที่ AHEAD.ASIA
เรียบเรียงโดยทีมงาน AHEAD.ASIA
Better be AHEAD
#AHEADASIA
จาก
http://www.bbc.com/news/
http://www.cnbc.com/2017/
https://
https://www.wired.com/
http://
https://www.wired.com/
http://www.rideaustin.com/
http://www.cnbc.com/2016/
http://
http://www.theverge.com/
http://www.curbed.com/
http://www.vocativ.com/
https://www.nytimes.com/
https://www.forbes.com/
http://www.thairath.co.th/
https://www.blognone.com/