คุณเคยเบื่องานประจำที่ทำอยู่ แล้วอยากลาออกไปทำในสิ่งที่ชอบไหม?
หลายคนคิด แต่จะมีซักกี่คนที่ลงมือทำ และจะมีซักกี่คนไปได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่หวนกลับไปสู่วงจรเดิม
พชร เกรียงเกร็ด คือหนึ่งในจำนวนนั้นที่ทำสำเร็จ
เอ่ยแค่ชื่อแบบนี้ คุณอาจไม่รู้จักว่าเขาคือใคร
แต่หากเอ่ยชื่อเพจ “แบกกล้องเที่ยว” คุณอาจเป็นหนึ่งในล้านคนที่กด like เพจของเขาอยู่
ทีมงาน AHEAD.ASIA มีโอกาสได้คุยกับ “คุณเติ้ล” และ “คุณเจน” ถึงเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบจนเกือบยอมแพ้
กระทั่งแกะสมการออก ว่าอะไรคือสิ่งที่โดนใจโลกโซเชียล จน “แบกกล้องเที่ยว” กลายเป็นเพจล้านไลค์ และมีงานชุกตลอดทั้งเดือนในที่สุด
เบื่อชีวิตมนุษย์เงินเดือน
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน คุณเติ้ล ก็เหมือนคนทั่วไปที่ทำงานประจำ คือหาโอกาสไปเที่ยวต่างจังหวัดเมื่อถึงสุดสัปดาห์
หลังซื้อกล้องตัวแรก ก็ยิ่งอยากออกไปเที่ยวบ่อยขึ้น ความหลงใหลในการถ่ายภาพ กลายเป็นเป้าหมายใหม่ในชีวิต
“เริ่มศึกษา ก็เริ่มสนุก อยู่กับมันได้ 24 ชั่วโมง เลิกงานปุ๊บ เย็นวันศุกร์ขับรถขึ้นไปเชียงใหม่ถึงเช้าไปถ่ายรูป เที่ยวเสร็จก็ขับรถกลับเลย ไม่หลับไม่นอนก็ได้ ร่างกายมันกระปรี้กระเปร่ามาก”
“ระหว่างนั้น ผมก็เริ่มเขียนรีวิวการเดินทางบ้าง ก็เริ่มมีเว็บไซต์พวก Sanook หรือ Kapook ขอเอาคอนเทนท์ไปลง เราก็ดีใจ”
สุดท้าย คุณเติ้ล ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการที่มีเงินเดือนแตะครึ่งแสน ด้วยเหตุผลง่ายๆ ‘อยากเที่ยวตอนที่ยังมีแรง’
“ช่วงนั้น วันศุกร์ เราจะมีความสุขมากเพราะได้ไปเที่ยว แต่พอวันอาทิตย์เที่ยงๆ ก็เริ่มไม่สนุกละ แล้วก็มาคิดว่าทำไมชีวิตเราต้องทนอยู่แบบนี้ จะไปรอให้แก่แล้วค่อยไปเที่ยว มันก็ไม่สนุก ตอนนี้ยังพอมีแรงเดินขึ้นเขา ทำไมเราไม่เที่ยวก่อน คนเรามีชีวิตเดียว ก็ลาออกมาพร้อมกับเงินก้อนนึง”
หลงรักประเทศไทย
Credit: pantip.com
“ตอนแรกที่ลาออกจากงาน เรายังไม่ได้คิดอะไร รู้แค่ว่าขอเที่ยวอย่างเดียว ไม่มีจุดหมายเลย พอมานึกย้อนกลับไปมันเหมือนคิดสั้นนะ (หัวเราะ) ผมไม่แนะนำให้คนอื่นทำแบบนี้” คุณเติ้ล ย้อนความหลังเมื่อตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต
เพจ “แบกกล้องเที่ยว” เกิดขึ้นเพราะความชอบส่วนตัวที่ต้องการบันทึกว่าไปเที่ยวที่ไหนมา
แต่เหตุผลที่ทำให้คนเริ่มรู้จัก คือกระทู้ ‘หลงรักประเทศไทย เมื่อฉันตัดสินใจลาออกมา แบกกล้องเที่ยว ใน 3 เดือน’ ที่รวมรูปช่วงที่คุณเติ้ลตระเวนเที่ยว หลังลาออกจากงานประจำ
“อันนั้นปังมาก 2 วัน คนกดบวกในกระทู้ 3-4 พันคน กลายเป็นกระทู้แนะนำขึ้นหน้าแรก ช่วงนั้นเราเพิ่งสร้างเพจพอดี คนก็ตามจากตรงนั้นมาที่เพจเรา อันนั้นช่วยให้ยอด like ขึ้นมาเป็นหมื่นกว่าเกือบสองหมื่น”
กระทู้นั้น ไม่เพียงช่วยให้ “แบกกล้องเที่ยว” เริ่มต้นได้สวย ยังช่วยให้ คุณเติ้ล ได้เจอกับ คุณเจน – เจนจิรา ซอมรัมย์ อดีตพนักงานธนาคารที่ได้แรงบันดาลใจในการเที่ยว จนกลายมาเป็นอีกครึ่งของเพจ “แบกกล้องเที่ยว” ในเวลาต่อมา
ถอดใจหรือไปต่อ?
“จริงๆมันก็ปังขึ้นมาทีเดียว แล้วก็เงียบ” คุณเติ้ล กล่าวถึงพัฒนาการของเพจที่เริ่มต้นด้วยยอดไลค์ถึง 2 หมื่นในช่วงสัปดาห์แรก แต่กลับใช้เวลาเกือบปี กว่าจะไปแตะหลัก 5 หมื่น
หนักที่สุด คือไม่มีรายได้จากเพจเลย เพราะแม้จะได้รับการติดต่อจากโรงแรมต่างๆให้ไปรีวิวบ้าง แต่ก็เป็นไปในลักษณะให้ที่พักฟรีเท่านั้น ส่วนค่ากิน ค่าเดินทางต้องจ่ายเอง
จนทั้ง คุณเติ้ล และ คุณเจน ต้องขวนขวายหาเงินจากทางอื่น อย่างการรับจ้างถ่ายรูป และจัดทริป ที่พอจะมีรายได้เข้ามาบ้าง
“ตอนนั้นกดดันมาก จนคิดจะกลับไปทำงานประจำ หัวหน้าเก่าก็เรียกกลับไปทำงานด้วยกัน เพราะอยู่กันแบบนี้เราไม่มีรายได้มั่นคง ไม่มีหลักประกันอะไรเลย อนาคตพอแต่งงาน ยังไม่รู้จะหารายได้หลักจากไหน”
โพสต์พลิกชีวิต
Credit: @baagklong
จุดพลิกผันอีกครั้งของ “แบกกล้องเที่ยว” มาถึง เมื่อ คุณเติ้ล ลองนั่งทำคอนเทนท์ที่รวบรวมรูปเก่าๆ สมัยไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน หนึ่งในสถานที่โปรดของตัวเอง ในชื่อ แบกกล้องเที่ยว.. เขื่อนเชี่ยวหลาน
“ผมก็เอารูปเก่าๆมารวม แล้วเขียนแคปชั่นไว้ในแต่ละภาพ ลงไป 30-40 รูปได้ แล้วก็โพสต์ ตอนเย็นมาดู คนแชร์ไปหมื่นกว่า ตั้งแต่ทำเพจมา คนไม่เคยแชร์เยอะขนาดนี้ ยอดไลค์เพจจาก 5 หมื่นเพิ่มเป็นหนึ่งแสนในสองวัน ดีใจมาก”
คุณเติ้ล ยอมรับว่าโพสต์นั้น คือจุดเปลี่ยนทำให้เพจมีคนตามถึงหลักล้านได้ ด้วยการกลับไปแกะจนเจอว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกเพจชอบ และหันมาทำคอนเทนท์ประเภทนี้มากขึ้น
“ทุกวันนี้ก็ยังมีคนแชร์โพสต์นั้นอยู่เลย ส่วนตัวเพจ พอเริ่มขึ้นหลักแสน ก็เริ่มมีงานติดต่อเข้ามา รายได้ก็ดีขึ้น อย่างเดือนที่แล้ว (ก.พ. 60) มี 24 งาน”
“ผมก็แปลกใจเหมือนกันที่มันโตขึ้นเร็วมากในรอบปีที่ผ่านมา อะไรๆก็วิ่งเข้ามาหาเราเยอะมาก จนรับไม่ทัน เครียดนะครับ แต่ก็ยังสนุก เพราะมันไม่ใช่ความเหนื่อยแบบที่ทำให้เราตัดสินใจลาออกงานจากงานประจำ”
ปั้นเพจยังไงให้ถึงล้าน
Credit:@baagklong
หนึ่งปัจจัยที่ทำให้เพจนี้ ประสบความสำเร็จ คือประสบการณ์ของ คุณเติ้ล ที่มาจากสายการตลาดโดยตรง จนเมื่อหาสิ่งที่ลูกเพจ “ต้องการ” พบ ก็นำความรู้ที่ติดตัว มาประยุกต์ใช้ด้วยแนวทางเหล่านี้
1) ไปเที่ยวด้วยกัน
“ผมว่าเสน่ห์ของเราคือรูปภาพและอารมณ์ ผมอยากให้คนเห็นภาพของเราแล้ว เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกัน บางคนอาจถ่ายรูปสวย แต่ไม่มีเรี่องราว ดูแล้วก็จบกันไป แต่ผมชอบถ่ายให้มีคนอยู่ในภาพ ยิ่งหันหลัง หรือหันข้าง คนที่เห็นก็จะคิดว่านั่นคือตัวแทนของเค้า แล้วจะอินตามไปกับเรา”
2) 4 รูปแรก
“4 รูปแรก จะเป็นรูปที่ดึงดูดคนได้มากที่สุด คนจะกดไลค์หรือแชร์มันอยู่ที่ตรงนี้ แต่ละอาทิตย์ เราจะวางแผนก่อนเลยว่ารูปปก เราจะใช้รูปไหน ต้องเว้นที่ไว้ใส่ตัวอักษรเท่าไหร่”
3) คนจะแชร์ เมื่อเห็นคุณค่า
“คุณภาพของคอนเทนท์ก็สำคัญ เพราะถ้าคอนเทนท์คุณไม่ดี boost ให้ตายยังไง คนก็ไม่ไลค์ไม่แชร์ คนต้องเห็นว่ามันมีคุณค่าสำหรับเค้า เค้าถึงจะแชร์ อย่างกระทู้วังเวียง ผมจะเขียนรายละเอียดเยอะมาก ใครได้อ่านจะเหมือนได้ไปเที่ยวเอง เค้าจะรู้สึกว่า เฮ้ย จริงๆมันง่ายแค่นี้เอง”
4) ไม่หยุดนิ่ง
“ผมให้ความสำคัญกับดีเทลของงานมากขึ้น แต่ก่อนรูปปกทำไม่เป็น ผมก็ใช้โฟโต้ช็อป พิมพ์ตัวอักษรแล้วก็จบ แต่ตอนนี้เราพยายามทำให้สวยงาม ใส่ลายน้ำ ใส่ตัวอักษร ฯลฯ เพราะคู่แข่งเราไม่ใช่แค่บล็อกเกอร์ มีเว็บไซต์ยักษ์ใหญ่ที่ทำด้านนี้โดยตรงด้วย เราเป็นแค่เจ้าเล็กๆ ก็ต้องมานั่งคิดว่าเราจะทำยังไงเพื่อสู้กับเค้า ต้องพัฒนาตัวเองไปอีกระดับ”
5) สร้างคอมมูนิตี้
“ลูกเพจจะมีบางคนที่ติดตามผมมาตั้งแต่ยังไม่สร้างเพจเลยก็มี คนกลุ่มนี้ก็จะคอยสนับสนุนตลอด เหมือนเวลาเราโพสต์ว่าช่วยแชร์กันหน่อยนะครับ เค้าก็จะแชร์กันไปทั่ว เลยรู้สึกว่าเราโชคดีมาก เพราะเค้าไม่ได้หยุดแค่เป็นแฟนเพจ แต่เป็นเหมือนเพื่อน”
หากมีข้อแนะนำ สามารถคอมเมนท์ได้ในเพจ AHEAD.ASIA และอย่าลืมกด like เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกเรื่องที่ทำให้เราทุกอยู่ข้างหน้าพร้อมๆกัน