ในยุคที่นวัตกรรมทางการเงินกำลังก้าวไปข้างหน้าเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภค พร้อมกับสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศน์ คือโครงการที่จะช่วยส่งเสริมสตาร์ทอัพเหล่านี้ให้แข็งแรง และมีโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน
และภายหลังความสำเร็จจาก Accelerator Program กรุงศรี ไรส์ (Krungsri Rise) รุ่นแรก จำนวน 15 ราย ซึ่งผ่านการคัดเลือกจากฟินเทคสตาร์ทอัพกว่าร้อยรายในปีที่ผ่านมา จนสามารถสร้างมูลค่ารวมกันได้กว่า 1,000 ล้านบาท
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด และ ไรส์ อะคาเดมี ก็เตรียมสานต่อด้วยโครงการ กรุงศรี ไรส์ รุ่น 2 ที่มาพร้อมกับแนวคิด “เร่งโตสองเท่า” (Accelerate 2X Potential) ที่จะช่วยเร่งให้ธุรกิจฟินเทคเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยการสนับสนุนเต็มรูปแบบ ในงานแถลงข่าวเปิดตัว เมื่อวันพุธที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา
นวัตกรรมการเงิน
“ปีที่แล้วเราได้เรียนรู้อะไรจากกรุงศรีไรส์ มีหลายๆบริษัทที่ได้ร่วมงานกับเรา ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้รุ่นน้อง batch ถัดไปได้เห็นว่าการทำสตาร์ทอัพฟินเทคมีข้อจำกัดตรงไหน สามารถปรับปรุงตรงไหนได้บ้าง รอบนี้ก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น” – คุณฐากร ปิยะพันธ์
คุณฐากร ปิยะพันธ์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอมซูมเมอร์ และผู้บริหารสายงานดิจิทัล แบงก์กิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งคลุกคลีกับโครงการนี้มาตั้งแต่ต้น มองว่าในอนาคตอันใกล้ การทำธุรกรรมทางการเงินจะเปลี่ยนไป ผ่านนวัตกรรมต่างๆ อาทิ
- Payment เพราะสังคมไร้เงินสด (cashless society) กำลังจะเกิดขึ้นใน 1-2 ปี เมื่อระบบการชำระเงินเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้เกิดความสะดวกขึ้น แต่มีต้นทุนที่ถูกลง
- blockchain ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานรูปแบบเดิม เนื่องจากนำไปประยุกต์ใช้ในลักษณะต่างๆได้หลายอย่าง และปัจจุบันธนาคารกรุงศรีก็ได้เสนอเข้า sandbox กับธนาคารแห่งประเทศไทยในการใช้บล็อกเชนทำ internation money transfer ด้วย
- Big data และ AI/Machine learning เนื่องจากธุรกิจธนาคาร มี asset หลักคือข้อมูล เมื่อสองปัจจัยนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง องค์กรใหญ่ๆก็จะค่อยๆผันตัวไปเป็น data company ในอนาคต
- นอกจากนี้ ธนาคารก็กำลังจะเปิด API ซึ่งจะมีข้อมูลที่คนภายนอกนำไปใช้ได้ และมีส่วนช่วยให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆตามมา
นอกจากนี้ ก็ยังมีการแนะนำถึงที่มาของ Krungsri Finnovate ที่ spin off จากบริษัทแม่ โดย คุณแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการกรุงศรีฟินโนเวต ว่าเพื่อก้าวไปพร้อมกับนวัตกรรมฟินเทคใหม่ๆ โดยพร้อมจะให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพสายฟินเทคต่างๆ โดยเริ่มจากการสนับสนุนโครงการกรุงศรีไรส์ และพร้อมจะลงทุนกับผู้ที่ผ่านโครงการรุ่น 2 ด้วย หากมีความพร้อมมากพอ
รุ่น 2 เข้มข้น 2 เท่า
“กรุงศรีไรส์ แตกต่างจาก Accelerator อื่นๆ เรายังคิดถึงมุมอื่นๆนอกเหนือจากการช่วยให้เป็นสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ แต่จะเติบโตเป็นอีกคนที่ช่วยให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าด้วย” – นายแพทย์ศุภชัย ปาจริยานนท์
ด้านนายแพทย์ศุภชัย ปาจริยานนท์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร ไรส์ เสริมว่าผู้เข้าโครงการ กรุงศรี ไรส์ รุ่นแรก ไม่เพียงแต่จะได้พัฒนาตัวเอง แต่ยังได้รับโอกาสมากมาย ทั้งการพบปะกับคนในโลกของฟินเทค รวมถึงนักลงทุนทั้งในไทยและแถบเอเชียแปซิฟิค
ขณะที่ปีนี้ ก็จะเพิ่มความเข้มข้นสำหรับ 10 ทีมที่่ผ่านการคัดเลือก ให้สมกับแนวคิด “เร่งโต2เท่า” อาทิ
- Intensive Bootcamp ที่ขยายเวลาจาก 8 เป็น 16 สัปดาห์ คิดเป็นมูลค่าเพิ่มจาก 200,000 บาทเมื่อปีก่อน เป็น 400,000บาท
- การคุยกับผู้เชี่ยวชาญและ mentor รวมถึงโปรแกรมเฉพาะทาง ที่จะช่วยขัดเกลาไอเดียให้ตอบโจทย์มากขึ้น
- การขยายมุมมองผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในเครือข่าย และโอกาสสร้างคอนเนคชั่นกับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งหมดนี้ ทีมที่ผ่านการคัดเลือกจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยไม่มีเงื่อนไขผูกมัดการเข้าถือหุ้นด้วย
ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.riseaccel.com/krungsririse/ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พ.ค. โดยจะเริ่มคัดเลือกในเดือนมิ.ย. เพื่อหา 10 ทีมเข้าสู่ Intensive bootcamp ระหว่าง ก.ค.-ต.ค.
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/Krungsri-Finnovate