นับจากการฉายรอบพรีเมียร์เป็นครั้งแรกในโลกของภาพยนตร์เรื่อง Iron Man ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เมื่อ 14 เมษายน 2007 จนถึงตอนนี้
ก็กินเวลานานกว่าทศวรรษแล้ว สำหรับภาพยนตร์ในแฟรนไชส์ Marvel Cinematic Universe หรือ MCU ซึ่งประสบความสำเร็จ จนกลายเป็นแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลอย่างในปัจจุบัน
ตอกย้ำสิ่งที่ อาวี อารัด ผู้ก่อตั้ง Marvel Studios เคยพูดถึงเงิน 4,300 ล้านดอลลาร์ ที่ Disney ใช้ในการเทกโอเวอร์กิจการบร
“มันถูกเหมือนได้เปล่าด้วยซ
แต่ก่อนจะมีวันนี้ได้ Marvel ก็ต้องเจอบททดสอบมากมาย จนเกือบตกอยู่ในภาวะล้มละลายมาแล้วเช่นกัน
ฮีโร่ในตลาดหุ้น
Marvel Comics (หรือชื่อเดิม Timely Publications) จัดเป็นสำนักพิมพ์ที่อยู่คู
ด้วยคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนดั
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ยอดขายและเสียงวิจารณ์ของ Marvel ก็เริ่มตกเป็นรอง
เมื่อ DC Comics ปรับสไตล์ของคอมมิคในเครือใ
ในปี 1989 Marvel Entertainment Group ที่อยู่ในช่วงตกต่ำ จึงถูกขายให้ MacAndrews and Forbes ของ รอน เพเรลแมน (Ron Perelman) ผู้บริหารบริษัทเครื่องสำอา
ด้วยมุมมองทางธุรกิจที่กว้างไกลกว่าผู้บริหารชุดเดิม เพเรลแมน ใช้เวลาเพียงสองปี ผลักดันจน Marvel เข้าสู่ตลาดหุ้นสำเร็จ
พร้อมไล่ซื้อกิจการบริษัทอื
ที่พีกสุด คือไอเดียทางการตลาด ที่แถมการ์ดสะสม 1 จาก 5 แบบในหนังสือ เท่ากับว่าหากใครต้องการสะส
ยิ่งถ้าเป็นนักสะสมชนิดเข้า
ด้วยกลยุทธ์นี้ทำให้หนังสือ
จุดต่ำสุดของ Marvel
ทุกอย่างทำท่าจะไปได้สวย ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ฟองสบู่เศรษฐกิจสหร
หุ้นของบริษัทตกลงจาก 35.75 ดอลลาร์ ในปี 1993 เหลือเพียง 2.375 ดอลลาร์ในปี 1996 และหนี้สินก้อนโตที่เกิดขึ้น ก็นำไปสู่ความขัดแย้งกันในหมู
ไอเดียของ เพเรลแมน คือการพยายามหาตลาดใหม่ให้ก
การจะทำแบบนั้นได้ เพเรลแมน ต้องยื่นเรื่องขอพิทักษ์ท
สุดท้าย ความต้องการของ เพเรลแมน ก็เป็นผล คือ ToyBiz และ Marvel Entertainment Group ควบรวมกันสำเร็จ ในเดือนธันวาคม 1998
แต่ Marvel ไม่ได้ถูกยื่นเรื่องล้มละลาย ตามที่เจ้าตัวต้องการ เพราะก่อนหน้านั้น เพเรลแมน และ ไอคาห์น ต่างก็ถูกผู้ถือหุ้นรายอื่นบีบให้ออกจากตำแหน่ง และกลายเป็น อาวี อารัด กับ ไอแซค เพิร์ลมัทเทอร์ จาก ToyBiz ที่เข้ามากุมอำนาจแทน
เดิมพันสำคัญ
อารัด มอบหมายให้ สแตน ลี ผู้อยู่เบื้องหลังคาแรกเตอร
แต่ส่วนแบ่งรายได้จาก Sony (Spider-Man) และ 20th Century Fox (X-men) ก็ยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับกำไรมหาศาลที่
อารัด และ เพิร์ลมัทเทอร์ ตัดสินใจที่จะสร้างภาพยนตร์
ก่อนเดิมพันครั้งสำ
นั่นหมายความว่าหากโปรเจกต์
ชัยชนะของซูเปอร์ฮีโร่
อย่างไรก็ตาม การเดิมพันของทั้งคู่ก็ได้ผ
ความสำเร็จนี้ ไม่เพียงปลดภาระหนี้สินทั้งหลายของบริษัท แต่ยังกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ Disney เข้าซื้อกิจการทั้ง
เพราะจนถึงวันนี้ ภาพยนตร์ในจักรวาล MCU ทำรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่ว
และยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงง่ายๆ ด้วยความนิยมที่มีแต่จะเพิ่มขึ้น
และตัวละครอีกมากมายในจักรวาลที่ Disney ถือสิทธิ์ไว้ รวมแล้วกว่า 5 พันตัว
“ยิ่งกว่าคุ้ม” อย่างที่ Arad ว่าไว้ จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด
เรียบเรียงจาก
How Marvel went from bankruptcy to billions
How Marvel went from bankrupt dweeb to financial superhero in 13 charts
AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า