5 สุดยอดผู้ประกอบการชาวอเมริกัน

สหรัฐอเมริกา ถือเป็นเหมือนหม้อต้มที่หลอมรวมผู้คนหลากเชื้อชาติและวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน

และความแตกต่างนี้เองที่มีส่วนผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมากมาย รวมถึงสร้างผู้ประกอบการชั้นยอดขึ้นมาในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

ไล่ตั้งแต่บริษัทแบบดั้งเดิม อาทิ Standard Oil, Ford Motor Company ไปจนถึงองค์กรรุ่นใหม่ อย่าง Facebook หรือ Google

และนี่คือ 5 สุดยอดผู้ประกอบการชาวอเมริกันที่ได้รับการยกย่องว่ามีบทบาทสำคัญกับโลกใบนี้

 

5) Larry Page

CREDIT: www.boothco.com

Page คือหนึ่งในสองผู้ก่อตั้ง Google เสิร์ชเอ็นจินเบอร์หนึ่งของโลก และหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หากยึดตาม market cap

เขาก่อตั้ง Google ร่วมกับ Sergey Brin เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ด้วยเงินตั้งต้นเพียง 100,000 ดอลลาร์ และเกือบขายกิจการให้ Yahoo! คู่แข่งในวงการถึง 2 ครั้ง ก่อนจะค้นพบทางของตัวเอง จนปั้นให้ Google (Alphabet ในปัจจุบัน) เป็นองค์กรระดับโลกได้อย่างในปัจจุบัน

 

4) Oprah Winfrey

CREDIT: Brigitte Lacombe/fortune.com 

พิธีกรสาวมากความสามารถ คือแบบอย่างที่น่าทึ่งในหนทางสู่ความสำเร็จแบบฉบับอเมริกัน

Winfrey เป็นเหยื่อความรุนแรงและการคุกคามทางเพศตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุ 14 ก่อนจะเสียลูกคนแรกไป ขณะทำคลอด

แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่เธอก็พยายามอย่างเต็มที่ จนสามารถมีรายการโทรทัศน์แรกของตัวเองได้ในปี 1983 ก่อนขยายอาณาจักรและแบรนด์ของเธอออกไปอย่างต่อเนื่อง

ทั้งก่อตั้ง Harpo Studios บริษัทด้านมัลติมีเดีย ในปี 1988 ที่มีรายได้ทั้งจากโฆษณาและรูปแบบอื่นๆ จนปัจจุบันมีพนักงานในสังกัดกว่า 250 คน เธอยังร่วมก่อตั้ง Oxygen Media ที่ดึงดูดผู้ชมได้มากกว่า 50 ล้านคนต่อปี

ในปี 2015 มีการประเมินว่าทรัพย์สินของ Winfrey น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,700 ล้านดอลลาร์

 

3) Henry Ford

CREDIT: fthmb.tqn.com

Ford แม้จะสืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวอังกฤษและไอร์แลนด์ แต่ฐานะของครอบครัวก็ไม่ถือว่าร่ำรวยตั้งแต่ต้น

เขาอาศัยการทำงานหนัก และฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการฝึกงานกับ Detroit Dock Company

จนในปี 1891 เขาได้พบกับ Thomas Edison และพูดคุยถึงแนวคิดเรื่องการสร้างรถยนต์ จน Edison ตกลงอนุญาตให้ Ford ใช้โรงเก็บอุปกรณ์ของตน ในการพัฒนาและสร้างรถตัวต้นแบบจำนวนสองคัน

จากนั้น Ford ก็มีโอกาสตั้ง Detroit Motor Company ขึ้น แต่บริษัทก็มีอายุเพียงไม่นาน เพราะสินค้าที่ผลิตออกมายังไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่เจ้าตัวต้องการ จากนั้นเขาก่อตั้ง Cadillac Car Company ขึ้นอีก ซึ่งก็ยังล้มเหลว

กระทั่งมาค้นพบวิธีการผลิตที่ลงตัวกับ Ford Motor Company ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง และ Ford ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์ส่วนบุคคลของชาวอเมริกันในเวลาต่อมา

 

2) Andrew Carnegie

CREDIT: historycooperative.org

Carnegie เป็นผู้อพยพจากสกอตแลนด์ที่มาตั้งรกรากบนดินแดนแห่งโอกาส ในรัฐเพนซิลเวเนีย

จากชีวิตที่แร้นแค้นในบ้านเกิด ชีวิตของ Carnegie และครอบครัวเริ่มลืมตาอ้าปากได้ในที่สุด เมื่อสามารถก่อตั้ง Carnegie Steel Company หนึ่งในบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน

นอกจากความสำเร็จส่วนตัวแล้ว Carnegie ยังเป็นนักลงทุนสาย angel investor ที่ให้โอกาสกับคนมากมาย ทั้งธุรกิจรถยนต์ บริการขนส่ง รวมถึงบริษัทน้ำมันหลายแห่ง

ทรัพย์สินของ Carnegie เมื่อเจ้าตัวเสียชีวิตในปี 1919 มีมูลค่าอยู่ที่ 300 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 300,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2015

 

1) Bill Gates

CREDIT: entrepreneur.com

Gates คือชื่อแรกๆที่ทุกคนนึกถึง เมื่อถามถึงกลุ่มผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ เพราะนี่คือชายที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในโลกคนปัจจุบัน รวมกันกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์

จุดเริ่มความสนใจในคอมพิวเตอร์ของ Gates มีขึ้นตั้งแต่ยังอายุน้อย ระหว่างเรียนในโรงเรียนมัธยมที่ซีแอทเทิล จนเมื่อได้จับคู่กับเพื่อนสนิทที่มีความสนใจแบบเดียวกัน Paul Allen ทั้งคู่ก็ตัดสินใจดร็อปเรียน และร่วมก่อตั้ง Microsoft กับ Steve Ballmer เพื่อนสนิทอีกราย

Gates, Allen และ Ballmer อ่านขาดในการเลือกสร้างธุรกิจเขียนและขายไลเซนส์ซอฟต์แวร์ ในยุคที่พีซีเริ่มได้รับความนิยม จน Microsoft กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุดในธุรกิจนี้ ก่อนที่ Gates จะผันตัวไปทำงานด้านการกุศลในมูลนิธิ Bill and Melinda Gates ร่วมกับภรรยาในปัจจุบัน

 

เรียบเรียงจาก
Top 5 Most Successful American Entrepreneurs 

 

หากมีข้อแนะนำ สามารถคอมเมนท์ได้ในเพจ AHEAD.ASIA และอย่าลืมกด like เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกเรื่องที่ทำให้เราทุกอยู่ข้างหน้าพร้อมๆกัน

Subscribe to Our Newsletter

Loading
Total
0
Shares
Previous Article
I Love NY

I Love NY: โลโก้พลิกชะตานิวยอร์ก

Next Article

ความดื้อที่เป็นผลเสียของ Commodore

Related Posts