ความกังวลและความตึงเครียด คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบในทางลบ ต่อสภาพจิตใจและร่างกายของเราโดยตรง
และเพื่อหาเมืองที่ประชากรมีระดับความเครียดมากและน้อยที่สุดในโลก Zipjet สตาร์ทอัพ จากสหราชอาณาจักร ได้ทำการวิจัย ด้วยการใช้ข้อมูลด้านปัจจัยต่างๆที่ส่งผลหรือก่อให้เกิดความเครียดต่างๆ
อาทิ อัตราว่างงาน หนี้สินต่อหัว ปัญหาจราจร มาตรฐานรถสาธารณะ ความปลอดภัย มลพิษ และความหนาแน่นของประชากร รวมถึงปัจจัยย่อยๆอย่างจำนวนชั่วโมงที่แสงแดดส่อง ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของผู้คนมาประกอบด้วย
และผลการจัดอันดับจาก 150 เมืองใหญ่ทั่วโลก ปรากฎว่า สตุ๊ทการ์ท จากเยอรมนี คือเมืองที่ประชากรมีความเครียดน้อยที่สุด ด้วยค่าเฉลี่ยเพียง 1.0 ตามมาด้วย ลักเซมเบิร์ก (ลักเซมเบิร์ก) 1.13, ฮันโนเวอร์ (เยอรมนี) 1.19, เบิร์น (สวิตเซอร์แลนด์) 1.29 และ มิวนิค (เยอรมนี) 1.31
จะเห็นได้ว่าใน 5 อันดับแรกนั้น ตั้งอยู่ในเยอรมนี ถึง 3 เมือง หรือรวมทั้งสิ้น 4 เมืองในกลุ่มท็อปเทน โดยมี ฮัมบูร์ก อยู่ในอันดับ 10
ส่วนเมืองที่มีระดับความเครียดสูงสุดในลิสต์นี้ ได้แก่ แบกแดด (อิรัก) ด้วยค่าเฉลี่ย 10.0 รองลงมาคือ กาบูล (อัฟกานิสถาน อันดับ 149) 9.98, ลากอส (ไนจีเรีย อันดับ 148) 9.95 ดาการ์ (เซเนกัล อันดับ 147) 9.58 และ ไคโร (อียิปต์ อันดับ 146) 9.53
แทบทั้งหมดเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่น จนส่งผลกระทบต่อปัจจัยอื่นๆโดยปริยาย ขณะที่ กาบูล ในอัฟกานิสถาน ก็มีปัญหาในเรื่องความมั่นคง
ส่วน กรุงเทพมหานคร อยู่ในระดับกลางค่อนไปทางล่างของลิสต์นี้ โดยอยู่ในอันดับที่ 104 ด้วยค่าเฉลี่ย 6.19 ขนาบด้วย กาฎมาณฑุ (เนปาล #103) ที่มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน และ มิลาน (อิตาลี #106) ที่ 6.31
“ปัญหาด้านสุขภาพจิตกำลังเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก โดยมีเรื่องความเครียดเป็นตัวจุดชนวน และก่อให้เกิดปัจจัยอื่นๆตามมา เราหวังว่าเมืองที่กำลังประสบปัญหาประชากรมีระดับความเครียดสูง จะลองศึกษาข้อมูลจากเมืองที่สุขภาพจิตของประชากรอยู่ในระดับดี เพื่อนำไปปรับปรุงได้” Florian Färber ผู้อำนวยการของ Zipjet กล่าว
เรียบเรียงจาก
The 2017 Global Least & Most Stressful Cities Ranking
สำหรับสตาร์ทอัพ และใครที่ต้องการพัฒนาตัวเองเพื่ออยู่ข้างหน้าเสมอ สามารถกด like เพจ AHEAD.ASIA เพื่อติดตามเรื่องราวที่มีประโยชน์ และข่าวสารกิจกรรมที่น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกัน