สกุลเงินดิจิทัล หรือ cryptocurrencies หลักของโลก มากกว่า 20 สกุล เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างหนัก ภายหลังนักลงทุนในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เริ่มชลอการซื้อขายลง ขณะที่หน่วยงานรัฐทั่วโลกก็เตรียมเข้ามากำกับดูแลในอนาคต
มูลค่าเงินดิจิทัลตกต่ำอย่างฉับพลัน นับตั้งแต่เข้าสู่สัปดาห์ที่สามของปี 2018 คาดว่าเป็นผลจากปริมาณการซื้อขายในญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ปรับตัวลดลง โดยรายที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ Ripple ที่มูลค่าลดลงถึง 40% ส่วน Ethereum ลดลง 31%
Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลที่ได้รับความนิยมสูงสุด เป็นรายที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด คือ 25% โดยเมื่อวันที่ 16 มกราคมนั้น ในตลาดนิวยอร์ก ตกไปถึง 10,338 ดอลลาร์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นมาเป็น 11,000 ดอลลาร์
Mati Greenspan นักวิเคราะห์ของ eToro ให้เหตุผลว่าปริมาณการซื้อขายที่ลดลงจากตลาดญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ 2 ประเทศที่มีการซื้อขายเงินดิจิทัลมากที่สุดของโลก มีสัดส่วนลดลงต่ำกว่า 30% เพราะนักลงทุนไม่ต้องการจ่ายเงินซื้อเกินราคา และกำลังรอให้ตลาดนิ่งกว่านี้ แต่การชลอการซื้อขายของทั้งสองประเทศ ก็เป็นเหตุให้มูลค่าเงินดิจิทัลตกต่ำอย่างหนัก เนื่องจากราคาเงินดิจิทัลในตลาดเหล่านี้มักจะมีราคาพรีเมียม ซึ่งจะช่วยผลักดันราคาเฉลี่ยทั่วโลก
นอกจากนี้ Neil Wilson นักวิเคราะห์อาวุโสของ ETX Capital ก็มองว่าการที่ภาครัฐของหลายประเทศ เตรียมเข้ามากำกับดูแลการซื้อขายเงินดิจิทัล ก็น่าจะมีผลกระทบเช่นกัน เห็นได้จากการที่เกาหลีใต้วางแผนออกกฎห้ามค้าขายสกุลเงินดิจิทัล และจีนที่กำลังพิจารณามาตรการควบคุมธุรกิจขุดเหมืองเงินดิจิทัล
AHEAD TAKEAWAY
สกุลเงินดิจิทัลมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2017 จนได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะ Bitcoin ที่ราคาเคยพุ่งสูงเกือบ 20,000 ดอลลาร์ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา จนมีการตั้งข้อสังเกตว่าเงินดิจิทัลอาจกลายเป็นธุรกิจที่เน้นเก็งกำไร ไม่ก่อให้เกิดผลดีทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ขณะเดียวกัน การเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้ภาครัฐของหลายหลายประเทศหันมาพิจารณา และเตรียมเข้าควบคุม เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัท, อาชญากร และบุคคลทั่วไป ใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินหรือหลบเลี่ยงภาษี อาทิ ในจีน และเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม การที่อีกหลายบริษัทวางแผนเปิดตัวเงินดิจิทัลสกุลใหม่ๆของตัวเอง ก็น่าจะเป็นสัญญาณว่ากระแสของ cryptocurrencies จะยังไม่น่าสิ้นสุดลงง่ายๆ