Wikipedia Zero จ่อหยุดให้บริการปีนี้

Wikipedia Zero สารานุกรมออนไลน์ ที่เปิดให้ผู้ใช้งานใน 72 ประเทศกำลังพัฒนา เข้าไปค้นคว้าได้โดยไม่เสียค่าบริการอินเทอร์เน็ต เตรียมยุติการให้บริการแล้ว ตามประกาศจากมูลนิธิ Wikimedia Foundation ผู้ดูแล

Wikipedia Zero ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2012 โดยได้แรงบันดาลใจจาก Facebook Zero มีเป้าหมายเพื่อเปิดกว้างให้บุคคลทั่วไปเข้ามาหาความรู้และข้อมูลในเว็บไซต์ Wikipedia โดยไม่เสียค่าบริการอินเตอร์เน็ต

โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการโทรคมนาคม 97 ราย ใน 72 ประเทศ และคาดว่ามีผู้เข้าใช้บริการมากกว่า 800 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ทาง Wikimedia Foundation มูลนิธิที่ดูแลโครงการดังกล่าว ได้ประกาศที่จะยุติให้บริการ โครงการดังกล่าวในปีนี้แล้ว โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ทำให้ค่าบริการอินเทอร์เน็ตลดลงจากเดิม

ขณะที่ในหลายประเทศ นอกทวีปอเมริกาและยุโรปก็มีผู้ใช้งานระบบนี้น้อยกว่าที่คาดไว้ แต่ยังไม่มีการระบุวันเวลาที่แน่ชัดสำหรับการยุติให้บริการแต่อย่างใด

เราจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหลายๆฝ่าย เพื่อสร้างโลกแห่งการแบ่งปันความรู้ แต่เราพบว่ามีอุปสรรคมากมายในการทำให้วิสัยทัศน์นี้กลายเป็นจริง และการเข้าถึงข้อมูลก็เป็นหนึ่งในปัจจัยนั้น” แถลงการณ์ในบล็อกของ Wikimedia Foundation ระบุ

 

เรียบเรียงจาก

Wikipedia ends data-free access for developing countries

Building for the future of Wikimedia with a new approach to partnerships

 

AHEAD TAKEAWAY

แม้เหตุผลที่ทาง Wikimedia Foundation ให้ไว้ สำหรับการยกเลิกโครงการนี้ ว่าเป็นเพราะผู้คนบนโลกเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น ในราคาที่ถูกลง

แต่อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญก็คือผู้ให้บริการเครือข่ายหลายรายเลือกที่จะถอนตัวออกจากโครงการไป โดยที่ทางมูลนิธิฯไม่สามารถตัวแทนได้ เนื่องจากผู้ให้บริการรายอื่นๆก็ไม่สนใจเข้าร่วมโครงการ ยังไม่นับเรื่องกระแสกดดันเรื่อง net neutrality (ความเสมอภาคในเรื่องอินเตอร์เน็ต : ผู้ให้บริการเครือข่ายรวมถึงรัฐบาลจะต้องปฏิบัติกับข้อมูลต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติภายใต้กฎเกณฑ์พิเศษใดๆ) ซึ่งในกรณีนี้ ก็คือเรื่อง “ราคา” ที่เป็นตัวแปรสำคัญสำหรับโครงการด้วย

นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ คือการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดการรับรู้ของผู้คนถึงโครงการนี้ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ทางมูลนิธิฯ จำเป็นต้องหาช่องทางอื่นๆเพื่อผลักดันแนวทางการเผยแพร่ความรู้แทน

 

สำหรับเพื่อนๆที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรม และธุรกิจ และต้องการพัฒนาตัวเองเพื่ออยู่ข้างหน้าเสมอ สามารถกด like เพจ AHEAD.ASIA เพื่อติดตามเรื่องราวที่มีประโยชน์ และข่าวสารกิจกรรมที่น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกัน

Subscribe to Our Newsletter

Loading
Total
0
Shares
Previous Article

Sony พัฒนา AI หวังรุกตลาด ride hailing

Next Article

Google ปั้น AI เช็คโรคหัวใจจากภาพถ่ายนัยน์ตา

Related Posts