สำนักข่าว CNN รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกา เตรียมออกมาตรการใหม่ในการขอวีซ่า ด้วยการกำหนดให้ชาวต่างชาติต้องยื่นข้อมูลการใช้โซเชียลมีเดียย้อนหลังเป็นเวลา 5 ปี โดยคาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันนี้
รายงานดังกล่าวระบุว่า การขอประวัติการใช้งานโซเชียลมีเดีย เช่น Twitter และ Facebook ย้อนหลังเป็นเวลา 5 ปีนี้ เป็นหนึ่งในมาตรการเพิ่มระดับความปลอดภัย ให้มากขึ้น หลังเกิดเหตุก่อการร้ายซาน เบอร์นาดิโน่ ที่แคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 2015 โดยกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ออก Public Notice ไปตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีการเปิดเผยต่อสาธารณชนภายในวันนี้
มาตรการนี้ จะยกเว้นเฉพาะวีซ่าทางการทูตและเจ้าหน้าที่ข้าราชการเท่านั้น ด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ก็ยอมรับว่าจะกระทบต่อผู้ที่ต้องการเข้าประเทศทั้งในลักษณะชั่วคราวและอพยพถาวร รวมแล้วกว่า 15 ล้านคน
นอกจากการขอประวัติการใช้โซเชียลมีเดียแล้ว สิ่งที่ถูกเพิ่มเติมในขั้นตอนยื่นคำร้อง ยังมีทั้งหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวที่เคยใช้, ลิสต์อีเมลส่วนตัวที่ใช้ทั้งหมด, ประวัติการเดินทางออกนอกประเทศ และประวัติความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมก่อการร้ายของคนในครอบครัว แต่จะไม่ขอรหัสผ่าน เพื่อเข้าสู่บัญชีส่วนตัวของผู้ยื่นคำร้อง แม้ John Kelly อดีตเลขาธิการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Department of Homeland Security) จะเคยเปรยถึงขั้นตอนนี้เมื่อปีก่อนก็ตาม
ประเด็นการที่สหรัฐฯ จะเรียกขอประวัติการใช้โซเชียลมีเดียของผู้ยื่นวีซ่า เคยถูกนำเสนอผ่านสื่อตั้งแต่ช่วงกลางปี 2017 ที่ผ่านมา แต่ไม่มีความคืบหน้าจริงจัง กระทั่งล่าสุด ที่เตรียมออกประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว แต่จะไม่ถูกนำมาใช้ในทันที โดยกระทรวงฯ จะมีการเปิดให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นเป็นเวลา 60 วัน ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ชี้วัดว่าะถูกบังคับใช้จริงหรือไม่
AHEAD TAKEAWAY
การเพิ่มระดับความเข้มงวดการเข้าเมือง ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ เป็นผลมาจากเหตุกราดยิงที่ ซาน เบอร์นาดิโน่ ปี 2015 โดยตรง จนมีผู้เสียชีวิต 14 รายและบาดเจ็บอีก 22 ราย
และผลการตรวจสอบพบว่าหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอย่าง Tashfeen Malik เคยโพสต์ข้อความสนับสนุนกลุ่มนักรบจีฮัด ลงในโซเชียลมีเดีย ก่อนเดินทางจากปากีสถานเข้าสู่สหรัฐฯ
รายงานไม่ได้เผยว่ามาตรการใหม่นี้จะถูกบังคับใช้เฉพาะประเทศในกลุ่มเสี่ยง นั่นคือทุกประเทศทั่วโลกจะได้รับผลกระทบทั้งหมด เช่นเดียวกับไทย
คาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้จะอยู่ที่จำนวน 15 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็นวีซ่าชั่วคราวเช่นนักท่องเที่ยว, นักธุรกิจ หรือนักศึกษา จำนวน 14 ล้านคน และวีซ่าผู้อพยพราว 7 แสนคน
มองในมุมของความมั่นคงของสหรัฐฯ มาตรการนี้อาจช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยขึ้นได้
แต่ในอีกด้าน นอกจากเรื่องความยุ่งยากที่จะตามมาแล้ว ยังแสดงให้เห็นชัดเจนว่าข้อมูลส่วนตัวของเราในโลกออนไลน์นั้น แทบจะไม่เป็นความลับ และเป็นเรื่องส่วนตัวอีกต่่อไป เหมือนที่ Edward Snowden เคยว่าไว้เมื่อหลายปีก่อน
เรียบเรียงจาก
US Visa Applications Might Require 5 Years Of Social Media Information
US to require would-be immigrants to turn over social media handles
U.S. to Seek Social Media Details From All Visa Applicants
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรมและธุรกิจ และต้องการพัฒนาตัวเองเพื่ออยู่ข้างหน้าเสมอ สามารถกด like เพจ AHEAD ASIA เพื่อติดตามเรื่องราวที่มีประโยชน์ และข่าวสารกิจกรรมที่น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน