นักวิเคราะห์เตือนเศรษฐกิจไทยชะลอตัวตามรอยญี่ปุ่น

นักวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัย University of Southern California เตือนไทยเตรียมเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ชะงักงัน ไร้ความเติบโตในทิศทางที่ดีเป็นเวลานาน ตามรอยญี่ปุ่น ที่ตกอยู่ในสภาวะนี้ไปก่อนแล้ว

Romain Ranciere และนักวิจัยอีก 2 คนของ University of Southern California เผยแพร่บทความที่เนื้อหาได้อ้างอิงถึงประเทศไทย ว่าเป็นกรณีตัวอย่างสำหรับสภาพสังคมที่กำลังขับเคลื่อนไปอย่างน่ากังวล และองค์ประกอบในส่วนต่างๆ ก็ล้วนแต่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

รายงานระบุว่า เมื่อราว 20 ปีก่อน ประเทศไทยเป็นประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในตลาดเกิดใหม่ แต่หลังจากที่มีก้าวกระโดดสูงเกินไปและขาดดุลบัญชีเดินสะพัด จึงมีการใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น 10% และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประสบปัญหาในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในค่าเงินบาท

ในปี 2017 ที่ผ่านมา การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเพียง 1.7% ส่วนอัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้นเพียง 0.8% เท่านั้นในเดือนที่แล้ว และยังมีการเผยว่าภายในปี 2022 ไทยจะเป็นชาติกำลังพัฒนารายแรกที่เข้าสู่สภาวะสังคมผู้สูงอายุ เมื่อจากการเผยข้อมูลของ ธปท. พบว่าจะมีประชาชนที่อายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นจำนวนมากกว่า 14% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งสัดส่วนของการเพิ่มขึ้นในแง่นี้ยังสูงกว่าประเทศจีนด้วย

“นี่คือภาพเดียวกันกับญี่ปุ่น” ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจไทยกล่าว “พวกเขากำลังมีลักษณะของประชากรแบบที่ญี่ปุ่นเคยเป็นเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ทั้งยังอยู่ในเส้นทางแห่งอัตราเงินเฟ้อเป็นศูนย์ของญี่ปุ่น มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก รวมถึงยังมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง”

บทความชี้ว่า ผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจของไทย มีการดำเนินการบางอย่างในเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งแนวทางนี้เคยทำให้ญี่ปุ่นประสบปัญหาใหญ่มาแล้ว ขณะที่ ธปท. ก็ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตั้งแต่เดือน เม.ย. 2015 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวคิดอนุรักษนิยมซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ยาก

แม้ว่าไทยจะมุ่งเน้นการสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยสามารถทำเงินเพิ่มขึ้น 11.7% ในปีก่อน

แต่ในขณะเดียวกันก็มีการลงโทษสถานหนักกับผอพยพอย่างผิดกฎหมาย มีการกีดกันแรงงานต่างด้าวจากเมียนมาร์และเวียดนาม ซึ่งการปฏิบัติในแง่นี้ทำให้ไทยมีความใกล้เคียงกับญี่ปุ่นมากขึ้นด้วย

รายงานเสริมว่า ไทยควรเพิ่มระดับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องจักรกล เพื่อให้มั่นใจได้ว่าประเทศจะมีความพร้อมในการให้บริการแก่ประชากรสูงวัยเป็นจำนวนมาก

 

AHEAD TAKEAWAY

เดิมที ประเทศจีนถูกมองว่าจะเดินตามรอยญี่ปุ่น ในสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ชะงักงัน แต่ผลวิเคราะห์ล่าสุดบอกว่าจะเป็นประเทศไทยมากกว่าที่เข้าใกล้กับสภาวะชะลอตัวของญี่ปุ่น

แม้จะเคยเป็นประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในตลาดเกิดใหม่ แต่ด้วยการบริหารงานและจัดการที่ผิดพลาดบางอย่าง ก็ทำให้ก้าวเดินเป็นไปอย่างติดขัด

ประเด็นสำคัญคือการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขเพียง 14% จากประชากรทั้งหมดของประเทศ แต่ก็มากเพียงพอจะทำให้ไทยเป็น ‘ชาติกำลังพัฒนารายแรก’ ที่เข้าสู่สภาวะนี้ อันจะมีผลต่อการขับเคลื่อนประเทศในหลายด้าน

น่าสนใจและน่าจับตาดูความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ว่าจะเป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์หรือไม่

 

เรียบเรียงจาก
The next Japan is not China but Thailand

 

สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรมและธุรกิจ และต้องการพัฒนาตัวเองเพื่ออยู่ข้างหน้าเสมอ สามารถกด like เพจ AHEAD ASIA เพื่อติดตามเรื่องราวที่มีประโยชน์ และข่าวสารกิจกรรมที่น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน

Subscribe to Our Newsletter

Loading
Total
0
Shares
Previous Article

BMW เปิดบริการเช่ารถหรูเดือนละ 2,000 ดอลลาร์

Next Article

Lamborghini: อย่าสบประมาทราชาแทร็กเตอร์

Related Posts