SenseTime Group Ltd. จากฮ่องกง ขึ้นแท่นเป็นสตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกไปแล้ว หลังระดมทุนได้มากถึง 3,600 ล้านดอลลาร์ ทั้งจาก Alibaba Group Holding Ltd. และกลุ่มทุนรายอื่นในช่วงที่ผ่านมา
Bloomberg รายงานว่า บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน face recognition ในสเกลใหญ่ สามารถหาทุนได้ถึง 3,600 ล้านดอลลาร์ ในการระดมทุน Series C Funding ครั้งล่าสุด แบ่งเป็นจาก Alibaba จำนวน 600 ล้านดอลลาร์ และกลุ่มทุนอื่นๆ เช่น Temasek Holdings Pte หรือ Suning.com Co. อีก 3,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าโดยรวมของ SenseTime เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จนเป็นสตาร์ทอัพ AI ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกไปแล้ว
ยังมีการเผยจากแหล่งข่าวว่าบริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาสำหรับการระดมทุนรอบใหม่ ตั้งเป้าเพิ่มระดับเงินทุนให้ได้ถึงหลัก 4,500 ล้านดอลลาร์ โดยมี ‘Viper’ ซอฟท์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลจากกล้องถ่ายทอดสดนับพันตัว เป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักลงทุน
“เราจะสำรวจทิศทางยุทธศาสตร์ใหม่ในหลายประการ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน” Xu Li ผู้ร่วมก่อตั้ง เผย “ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้เฉลี่ยของเราเติบโตขึ้นถึง 400 เปอร์เซ็นต์”
ด้านนักวิเคราะห์คาดว่า การเข้ามาร่วมลงทุนของ Alibaba ซึ่งมีระบบ Cloud Service ใหญ่ที่สุดในจีน จะช่วยยกระดับการผลิตของ SenseTime ได้โดยตรง
และสตาร์ทอัพซึ่งเพิ่งก่อตั้งได้สามปีรายนี้ มีแผนเพิ่มจำนวนพนักงานให้เป็น 2,000 คนภายในสิ้นปีนี้ ทั้งยังมีแผนจะสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 5 ตัว เพื่อเป็นแหล่งขับเคลื่อนซอฟท์แวร์ Viper และให้บริการอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะการตรวจจับใบหน้า ทั้งในตู้กดเงินสด ATM และกล้องจราจร
“ในจีน มันมีข้อได้เปรียบอยู่ในเทคโนโลยีอย่างการตรวจจับใบหน้า ด้วยเพราะข้อจำกัดด้านสิทธิส่วนบุคคลในสหรัฐอเมริกาและบางประเทศของยุโรป และเท่าที่ผมเคยเห็น เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าที่ดีที่สุดในโลก ก็อยู่ในจีน” Jim Breyer ผู้ก่อตั้งกองทุน Breyer Capital ซึ่งร่วมลงทุนในสตาร์ทอัพรายนี้ผ่านทาง IDG ระบุ
AHEAD TAKEAWAY
ในจีนซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิส่วนบุคคลน้อยกว่าในสหรัฐและยุโรป กลายเป็นข้อดีในแง่ที่หลายๆบริษัทสามารถพัฒนาเทคโนโลยีและนำมาใช้ในวงกว้างได้อย่างเต็มที่
เหมือนในเสิ่นเจิ้นที่กลายเป็น cashless society โดยสมบูรณ์ ขอเพียงคุณมีสมาร์ทโฟน เงินในบัญชี และแอพของ Wechat Pay และ Alipay ในมือ
ขณะที่ในด้านเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลใบหน้า ด้วย AI ก็เช่นกัน
รายงานของ Bloomberg ชี้ว่าหากคุณเดินไปตามท้องถนนในจีน หรือถ่ายภาพด้วยกล้องโทรศัพท์ยี่ห้อของจีน
คุณก็จะเป็นหนึ่งในผู้ใช้บริการ SenseTime ทันที เมื่อซอฟท์แวร์ของบริษัทนี้ถูกติดตั้งลงในสมาร์ทโฟนมากกว่า 100 ล้านเครื่อง เช่นเดียวกับทางการจีนที่ใช้ระบบตรวจจับใบหน้าดังกล่าวหลายแห่ง
และนอกจากทางการจีนแล้ว พวกเขายังมีลูกค้าและพาร์ทเนอร์ถึงกว่า 400 บริษัท เช่น Qualcomm, Nvidia Corp., Xiaomi Corp., Honda Motor Co. หรือแม้กระทั่ง Snapchat
ยิ่งในปัจจุบัน การใช้เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้ากำลังเป็นเครื่องมือสำคัญของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน ก็ยิ่งทำให้ผู้ผลิตซอฟท์แวร์รายนี้ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนฟันเงินระดมทุนล่าสุดไปถึง 3,600 ล้านดอลลาร์ แถมมีเป้าจะให้ทะลุ 4,500 ล้านดอลลาร์ในอนาคตอันใกล้ด้วย
นอกจาก SenseTime ที่ทำเงินมหาศาลดังกล่าวแล้ว บริษัทอื่นอย่าง Megvii Inc. ก็ระดมทุนได้ถึง 460 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว หรือ Yitu และ Malong Technologies ก็ทำเงินได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน
การลงทุนเหล่านี้เป็นการย้ำว่า ประเทศจีนเอาจริงเอาจังอย่างมากในการพัฒนาเทคโนโลยี โดยเฉพาะกรุงปักกิ่งที่ตั้งเป้าว่าภายในปี 2030 พวกเขาจะกลายเป็นเมืองผู้นำ AI ของโลกเลยทีเดียว
เรียบเรียงจาก
China Now Has the Most Valuable AI Startup in the World
Face Recognition Specialist Raises US$600 Million in Series C Funding
อ่านเพิ่มเติม
AR-VR บูม สตาร์ทอัพระดมทุนทะลุ 3,600 ล้านในรอบ 1 ปี
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรมและธุรกิจ และต้องการพัฒนาตัวเองเพื่ออยู่ข้างหน้าเสมอ สามารถกด like เพจ AHEAD ASIA เพื่อติดตามเรื่องราวที่มีประโยชน์ และข่าวสารกิจกรรมที่น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน