Max Levchin, PayPal, You are what you read,

10 สุดยอดตำราสำหรับผู้ประกอบการ ที่ Max Levchin ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal ย้ำว่าคุณต้องอ่าน

ทุกครั้งที่เราเอ่ยถึงผู้ก่อตั้ง PayPal เรามักนึกถึง Elon Musk หรือ Peter Thiel เป็นลำดับแรกๆ

แต่แท้จริงแล้ว จุดเริ่มต้นของไอเดียการทำธุรกรรมการเงินทางอินเตอร์เน็ต ควรเป็นเครดิตของ Max Levchin หนุ่มอเมริกันเชื้อสายยูเครนรายนี้มากกว่า

Maksymilian Rafailovych Levchyn เกิดที่เคียฟ ในยูเครน ก่อนอพยพมายังสหรัฐ หลังเกิดความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ

Levchin คุ้นเคยกับการทำสตาร์ทอัพตั้งแต่เรียนที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์แล้ว หลังจบการศึกษา เขาได้พบกับ Thiel ทนายความที่กำลังมองหาโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ และร่วมกันก่อตั้ง Fieldlink ดิจิทัลวอลเลทยุคบุกเบิกสำหรับเครื่อง PDA ก่อนจะเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Confinity โดยมี PayPal เป็นผลิตภัณฑ์หลัก

หลังการรวมบริษัทกับ X.com ของ Musk ในปี 2000 ทั้งหมดตกลงใจเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น PayPal เนื่องจากเป็นชื่อที่คนคุ้นเคยมากกว่า และหลังจากนั้นไม่นาน บริษัทก็เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ และถูกซื้อกิจการไปโดย eBay ในเวลาต่อมา

หลังผู้ก่อตั้งแยกย้ายกันไปตามทาง Levchin ก่อตั้งสตาร์ทอัพอีกหลายบริษัท อาทิ Slide บริการแชร์มีเดียต่นางๆสำหรับโซเชียลเน็ตเวิร์ค (ขายให้กับ Google ในปี 2010 ที่ราคา 182 ล้านดอลลาร์) และ Yelp โซเชียลเน็ตเวิร์คยุคบุกเบิก และยังมีส่วนร่วมในตำแหน่งผู้บริหารของหลายบริษัท รวมถึง Yahoo! ด้วย

และเพื่อให้เข้าใจแนวคิดการทำธุรกิจของเจ้าตัวให้ดียิ่งขึ้น นี่คือหนังสือ 10 เล่ม ที่ Levchin เชื่อว่าผู้ประกอบการทุกคนควรอ่าน

 

#10

Zero to One

โดย Peter Thiel

 

 

เมื่อถูกยิงคำถามว่าหนังสือเล่มไหนที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ควรอ่าน นี่คือชื่อแรกที่ Levchin แนะนำ

ไม่ว่าจะเป็นเพราะความสนิทสนมกับ Thiel เป็นการส่วนตัวหรือไม่ แต่ด้วยคุณภาพของมัน Zero to One ก็ยังจัดเป็นตำราลำดับต้นๆของแวดวงสตาร์ทอัพอยู่ดี

ด้วยจุดแข็งอย่างการชี้ให้เห็นถึง “ความเป็นไปได้” ในการสร้างหรือคิดค้น “สิ่งใหม่ๆ” หรือนวัตกรรมขึ้น

 

#9

The Hard Thing About Hard Things

โดย Ben Horowitz

 

 

จัดอยู่ในประเภท “ของมันต้องมี” อีกหนึ่งเล่ม สำหรับหนังสือที่เขียนโดยผู้ร่วมก่อตั้ง Andreessen Horowitz กองทุนชั้นนำของซิลิคอน วัลลีย์

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมคำแนะนำที่สำคัญๆในการก่อตั้ง และบริหารสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ถูกรุมเร้าด้วยปัญหา ซึ่งน้อยครั้งจะหาได้จากบทเรียนในมหาวิทยาลัย เพราะทั้งหมดกลั่นกรองจากประสบการณ์ตรงของตัว Horowitz เอง

 

#8

The Innovator’s Dilemma

โดย Clayton M. Christensen

 

 

สุดยอดตำรา ซึ่งเป็นที่ยอมรับของสุดยอดผู้ประกอบการของโลก ทั้ง Steve Jobs, Mark Cuban, Guy Kawasaki ฯลฯ

หนึ่งในประเด็นหลักของหนังสือเล่มนี้ คือการที่หลายบริษัทที่เคยมั่นคงไม่สามารถปรับตัวได้ทันเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ขณะที่บริษัทซึืงอยู่รอดได้นั้น เป็นเพราะมีการบริหารจัดการที่ดีพอ โดยเฉพาะการรับฟัง และปรับตัวตามความต้องการของผู้บริโภค

 

#7

Good to Great

โดย Jim Collins

 

 

Collins เป็นผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับผู้ประกอบการระดับเบสต์เซลเลอร์หลายเล่ม นอกจาก Built to Last แล้ว Good to Great ก็เป็นอีกเล่มที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน

โดยเฉพาะการเจาะลึกหาเหตุผลว่าทำไม บริษัทๆหนึ่งถึงเติบโตจนยิ่งใหญ่ได้ และรักษาระดับมาตรฐานนั้นไว้ได้นานหลายปี ขณะที่มีบริษัทดีๆอีกมากมาย ไม่สามารถยกระดับขึ้นมาเป็นบริษัทชั้นเลิศได้

และสิ่งหนึ่งที่ทั้ง 11 บริษัทในหนังสือเล่มนี้ มีเหมือนกันคือการไม่ทำอะไรซ้ำรอยเดิมตลอดเวลานั่นเอง

 

#6

Too Big to Fail

โดย Andrew Ross Sorkin

 

 

หนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือนบทบันทึกวิกฤติการณ์ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท เมื่อปี 2008 ที่ Sorkin รวบรวมจากแหล่งต่างๆ

ทั้งคำแถลงของเจ้าหน้าที่รัฐที่กินเวลารวมแล้วกว่า 500 ชั่วโมง การนั่งพูดคุยและสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง กว่า 200 ครั้ง และรายละเอียดปลีกย่อยจากอีเมลนับไม่ถ้วน จนได้บทสรุปมาเป็นหนังสือความหนาถึง 600 หน้าที่คนในวงการธุรกิจควรเรียนรู้ไว้

 

#5

The Ascent of Money

โดย Niall Ferguson

 

 

ในทรรศนะของผู้เขียน เงินคือบ่อเกิดของสงครามและการครอบงำคนในชาติ ขณะที่ในหนังสือเล่มนี้ จะพาเราย้อนกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ผ่านวิวัฒนาการของระบบการเงินต่างๆ ตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมีย เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

 

#4

When Genius Failed

โดย Roger Lowenstein

 

 

บริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่ปี ก็สามารถล้มได้ในเวลาอันสั้นเช่นกัน

หนังสือเล่มนี้รวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกองทุนเพื่อเก็งกำไร Long-Term Capital Management (LTCM) ซึ่งก่อตั้งโดยสองนักเศรษฐศาสตร์ระดับรางวัล โนเบล และระดมทุนเริ่มต้นจากนักลงทุนได้กว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อทำกำไรจากการซื้อขายพันธบัตรในตลาดโลก

แต่การที่ทั้งคู่ไม่สามารถหยั่งรู้ ถึงความสลับซับซ้อนของตลาดเงินและตลาดทุน ในยุคโลกาภิวัตน์ได้ทั้งหมด เพียงไม่กี่ปี กองทุน LTCM ก็ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้และล้มละลายลงในที่สุด

 

#3

Predictably Irrational

โดย Dan Ariely

 

 

หนังสือเชิงจิตวิทยา/บุคลิกภาพที่เกิดจากงานวิจัยกว่า 20 ปีของศาสตราจารย์ Dan Ariely เพื่อบ่งชี้ถึงพฤติกรรมบางอย่างซึ่งไม่สมเหตุสมผลของคนเรา

ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้น คือพฤติกรรมเหล่านั้น กลับเป็นสิ่งที่สามารถคาดเดาได้ และนั่นหมายถึงเราสามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้ดีขึ้น หากสามารถเอาชนะอคติของตัวเราเองได้

 

#2

Influence: The Psychology of Persuasion

โดย Robert B. Cialdini

 

 

นี่คือหนึ่งในหนังสือไม่กี่เล่มที่หนอนหนังสือระดับกูรูอย่าง Warren Buffett ให้สัมภาษณ์ว่ายังหยิบกลับมาอ่านซ้ำอยู่เรื่อยๆ

Cialdini เขียนหนังสือเล่มนี้โดยอ้างอิงจากงานวิจัยที่ใช้เวลารวบรวมข้อมูลนานกว่า 30 ปี เพื่อหาเหตุผลในการตอบรับของมนุษย์ แทนที่จะตอบปฏิเสธ ทั้งจากความรู้สึกติดค้าง หรือการผูกมัดในทางใดทางหนึ่ง

ไม่ใช่แค่ Buffett คนเดียว แต่ Charlie Monger ประธานร่วมของ Berkshire Hathaway ก็ยึดหนังสือเล่มนี้เป็น 1 ใน 3 ตำราธุรกิจสำหรับการเจรจาด้วย

 

#1

The Master and Margarita

โดย Mikhail Bulgakov

 

 

หนังสือเล่มนี้ต้องรอคอยนานถึงสองทศวรรษ กว่าจะได้รับอนุญาตให้ตีพิมพ์ในรัสเซีย เนื่องจากนโยบายในการควบคุมหนังสือวรรณกรรมของ Joseph Stalin แต่ไม่ได้ทำให้คุณค่าของมันลดลงแต่อย่างใด

จุดเด่นในเชิงจิตวิทยาของหนังสือเล่มนี้ คือการเน้นว่าปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้มนุษย์ไม่สามารถขัดขืนได้ ก็คือเหตุผลด้านการเมือง และเหตุผลด้านจิตวิญญาณ

นอกจาก Levchin แล้ว ในบรรดาคนดังที่ชื่นชอบหนังสือเล่มนี้ ก็คือ Daniel Radcliffe เจ้าของบทบาท Harry Potter และ Simon McBurney (ผู้อำนวยการของโรงละคร Complicite)

 

เรียบเรียงจาก

Max Levchin: top 10 books for aspiring entrepreneurs

 

อ่านเพิ่มเติม

PayPal: ผู้เปิดโลกธุรกรรมออนไลน์

ถอดรหัส PayPal Mafia: ขบถแห่งซิลิคอน วัลลีย์

 

ติดตาม YOU ARE WHAT YOU READ ตอนก่อนๆ ได้ที่นี่

Bill Gates#1

Bill Gates #2

Mark Zuckerberg

Warren Buffett

Jeff Bezos

Elon Musk

Jack Ma

Mark Cuban

*หรือเสิร์ชด้วยการพิมพ์ You are what you read ในช่องเครื่องมือค้นหาหน้าเว็บไซต์

 

*You are what you read เป็นซีรีส์ที่เกิดขึ้น หลังทีมงานมีโอกาสได้พูดคุยกับนักคิด และคนที่มีไอเดียสร้างสรรค์ และเห็นว่าต่างก็มีจุดเชื่อมเดียวกัน คือพื้นฐานจากการเป็นนักอ่านมาก่อน

พื้นที่นี้ จึงจะเป็นการรวบรวมหนังสือดีที่คนเหล่านี้เคยอ่าน และยืนยันว่าควรมีไว้ประดับสมอง ทั้งจากการค้นคว้าโดยทีมงาน หรือจากการสัมภาษณ์โดยตรง โดยจะอัพเดทตอนใหม่ทุกสัปดาห์

หากมีข้อแนะนำ สามารถคอมเมนท์ได้ในเพจ AHEAD.ASIA และอย่าลืมกด like เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกเรื่องที่ทำให้เราทุกอยู่ข้างหน้าพร้อมๆกัน

Subscribe to Our Newsletter

Loading
Total
1
Shares
Previous Article

50 บริษัทนวัตกรรมล้ำสุดขอบโลก

Next Article
elon musk tesla

บันทึกกรรม : 2018 ปีชงของ Tesla

Related Posts