UCL

เปิดขุมทรัพย์ UCL เวทีนี้มีแต่ให้

เสาร์นี้ชี้ชะตา ระหว่างการเป็นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 กับการยึดครองบัลลังก์แชมเปี้ยนติดต่อกัน 3 ปีซ้อน อะไรจะเกิดขึ้นจริง ในนัดชิงชนะเลิศ UCL

นอกจากความสำเร็จเชิงกีฬาที่ทั้งสองฝ่ายต่างถวิลหาแล้ว สิ่งที่ตามมาพร้อมกันก็คือ ‘เม็ดเงิน’ จำนวนมหาศาล เมื่อเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า UEFA Champions League นี่มัน ‘เวทีเงินเวทีทอง’ ชัดๆ

ว่าแต่เดิมพันสำหรับแมตช์นี้ มีมูลค่าแค่ไหน เรามีคำตอบ…

 

 

ว่ากันว่า ยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ UCL คือเวทีฟุตบอลระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่และมีคุณภาพสูงที่สุดในโลก ระดับความสนใจของคนทั่วโลกที่มีต่อเกมบางเกม เหนือกว่ามหกรรมลูกหนังแห่งมวลมนุษยชาติอย่าง ‘ฟุตบอลโลก’ เสียอีก

นัดชิงชนะเลิศปี 2016 (เรอัล มาดริด พบ แอตเลติโก มาดริด) มีผู้ชมการถ่ายทอดสดผ่านสถานี BT Sport กว่า 4.3 ล้านคน พร้อมกับอีก 1.8 ล้านคนชมผ่านการสตรีมมิ่งของ YouTube นั่นหมายถึงผู้ชม 6.1 ล้านคนดูเกมคู่นี้พร้อมกัน และยังมีการเปิดเผยจาก UEFA เมื่อปี 2014 ถึงตัวเลขที่น่าสนใจในหลายกรณี

• นัดชิงฯ มีถ่ายทอดสดไป 200 ประเทศทั่วโลก ผู้ชมไม่ต่ำกว่า 165 ล้านคน
• ในวันชิงชนะเลิศ ช่องทางโซเชียลมีเดียของ UEFA มีผู้เข้าเยี่ยมชม 1.5 ล้านคน
• 67 ล้านบัญชี Facebook เอ่ยถึงนัดชิงฯ
• ทวิตเตอร์ @ChampionsLeague มียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเป็น 4.6 ล้านคน ในระหว่างซีซั่น
• ตอนที่ Gareth Bale ยิงประตูในนัดชิงฯ ยอดทวีตทะลุ 209,594 ครั้งต่อนาที

ตัวเลขต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นตัวบ่งชี้ว่า UCL ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลกอย่างแท้จริง

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นก็ด้วยเพราะฟุตบอลที่มีคุณภาพ อัดแน่นด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ เรื่องดราม่า มีทุกอย่างครบถ้วนเท่าที่ฟุตบอลควรจะมี

ความสำคัญของการคว้าแชมป์ UCL สำหรับหลายสโมสร ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าการครองแชมป์ลีกประเทศตัวเอง และเพียงการ ‘ได้เข้าร่วม’ ก็เป็นสิ่งที่ทุกสโมสรพร้อมทุ่มกายทุ่มใจสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ์นี้แล้ว (ไม่นานมานี้ ฮอฟเฟนไฮม์ ทีมในเยอรมนี ปิดสนามฉลองกันสนั่นหวั่นไหวเหมือนได้แชมป์ หลังจากคว้าอันดับ 3 ได้ตั๋วไป UCL ในวันสุดท้าย)

เพราะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเสมอกับทั้งตัวนักเตะ, สตาฟฟ์โค้ช และแฟนบอล ในการได้มาเป็นอาคันตุกะสำหรับสนามเก่าแก่มีประวัติศาสตร์อย่าง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ของเรอัล มาดริด, คัมป์ นู ของบาร์เซโลน่า, โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แอนฟิลด์ของลิเวอร์พูล, ซาน ซิโร่ ของเอซี มิลาน และอินเตอร์ มิลาน

และเป็นเรื่องสำคัญเสมอสำหรับสโมสร… ไม่ต้องไปเยือนสนามข้างต้นก็ได้ จะสนามไหนก็มาเถอะ ขอแค่ให้ได้เป็นหนึ่งใน 32 ทีมของรอบแบ่งกลุ่ม เป็นพอ (ถ้าเข้ารอบน็อกเอาต์ได้อีกก็ถือเป็นโบนัส)

นั่นเพราะ ‘เงินรางวัล’ ที่ทาง UEFA จัดเตรียมไว้ให้ มันล่อตาล่อใจเสียขนาดนี้

เงินที่ UEFA จัดเตรียมไว้ให้สโมสรต่างๆ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก นั่นคือ 1) เงินรางวัลตายตัว ขึ้นอยู่กับผลงานในสนาม กับ 2) ส่วนแบ่งการตลาด ลิขสิทธิ์ทีวี สปอนเซอร์ หรือที่มีคำเฉพาะว่า ‘Market Pool’

และ UCL 2017/18 มีเงินรางวัลรวม… 1,319 ล้านยูโร!

UEFA แจกแจงเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเปิดซีซั่น ว่าพวกเขามีงบสำหรับดำเนินการแข่งขัน 3 รายการ อย่าง Champions League, Europa League และ UEFA Super Cup ที่จำนวน 2,350 ล้านยูโร ในจำนวนนี้ หัก 12% (282 ล้านยูโร) เข้า UEFA และ 8.5% (200 ล้านยูโร) เป็นค่าจัดการแข่งขัน

เมื่อหักทั้งสองกรณีแล้ว จะเหลืองบที่ 1,719 ล้านยูโร เพื่อตัดแบ่งเงินรางวัลกันออกเป็นสองส่วน พี่ใหญ่อย่าง UCL (พ่วงด้วย Super Cup) รับไป 1,319 ล้านยูโร ส่วนน้องรอง Europa League ได้ 400 ล้านยูโร (และตั๋ว UCL ซีซั่นถัดไป สำหรับทีมแชมป์)

1,319 ล้านยูโรของ UCL จำแนกออกเป็นดังนี้

 

เงินรางวัลตายตัว

 

 

รอบเพลย์ออฟ : 20 สโมสรแชร์เงินรางวัล 50 ล้านยูโร ผู้ชนะได้ 2 ล้าน, ผู้แพ้ได้ 3 ล้าน
รอบแบ่งกลุ่ม : ทุกทีมที่เข้ารอบแบ่งกลุ่ม ไม่ว่าจะได้สิทธิ์อยู่แล้วหรือผ่านมาจากรอบเพลย์ออฟ จะได้เงินค่าเข้าร่วมทีมละ 12.7 ล้านยูโร (ตรงนี้ชี้แจงถึงความแปลกแปร่งของเงินรอบเพลย์ออฟได้อย่างชัดแจ้ง – ผู้แพ้ได้ 3 ล้านยูโร เยอะกว่าผู้ชนะก็จริง แต่ผู้ชนะจะได้ ‘ค่าเข้ารอบ’ เพิ่มในภายหลัง รวมแล้วเป็น 14.7 ล้าน)
โบนัสผลงาน : ทุกชัยชนะของแต่ละแมตช์ในรอบแบ่งกลุ่ม รับ 1.5 ล้านยูโร, เสมอรับ 5 แสนยูโร
รอบ 16 ทีม : แต่ละทีม รับ 6 ล้านยูโร
รอบ 8 ทีม : แต่ละทีม รับ 6.5 ล้านยูโร
รอบตัดเชือก : แต่ละทีม รับ 7.5 ล้านยูโร
รองแชมป์ : 11 ล้านยูโร
แชมป์ : 15.5 ล้านยูโร

คิดเฉพาะเงินรางวัลตายตัว Prize Money Fund ตรงนี้ก่อน จะเห็นว่า เพียงการไเล่นแค่รอบแบ่งกลุ่ม เข้ามาเตะ 6 นัดแล้วบอกเลิกศาลา ต่อให้แพ้ตลอดรอบก็มีการันตี ‘ขั้นต่ำ’ แล้วที่ 12.7 ล้านยูโร

การันตีขั้นต่ำ 12.7 ล้าน (อย่าลืมว่าถ้าผ่านมาจากรอบเพลย์ออฟ มีบวกอีก 2 ล้าน) แล้วถ้าคุณชนะได้แต่ละเกม รับเพิ่ม 1.5 ล้านยูโร

ในรอบแบ่งกลุ่ม สมมุติทีมของคุณเก่งมาก ชนะรวด 6 นัด ลอยลำลิ่วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ก็หมายถึงคุณจะมีเงินอุ่นๆ ในกระเป๋า…
ค่าเข้าร่วม 12.7 ล้าน
ชนะเกม 1.5 ล้าน คูณ 6
ค่าเข้ารอบ 16 ทีม 6 ล้าน

12.7 + 1.5 (x6) + 6 = 27.7 ล้านยูโร

นี่คือแค่เงินรางวัลตายตัวตามผลงานเท่านั้น มันยังมี Market Pool ให้คุณได้เก็บเกี่ยวอีกก้อน (โดยไม่นับรวมค่าบัตรเข้าชมในเกมเหย้าของคุณ ยอดขายของที่ระลึก อาหารการกิน ฯลฯ อันเป็นส่วนของสโมสรเต็มๆ)

 

ส่วนแบ่งการตลาด Market Pool

UEFA ประกาศไว้ว่า Market Pool นับจากซีซั่นนี้ไปจนถึง 2019/20 จะอยู่ที่ 507 ล้านยูโรต่อปี โดยมีการกระจายมูลค่าตามสัดส่วนลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดของแต่ละประเทศ, ผลงานในซีซั่นก่อนหน้า และจำนวนเกมที่ลงเล่นใน UCL

ทีมจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ส่วนแบ่งสูงสุดจาก Market Pool นี้ เนื่องจากความนิยมทางการตลาด และมูลค่าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด โดย totalsportek.com มีการแจกแจงตัวอย่างสำหรับซีซั่น 2017/18 ไว้ดังนี้

• หากทีมอย่าง บาเซิ่ล (FC Basel) ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้แชมป์ ก็จะไม่มีทางได้เงินเทียบเท่ากับที่ เรอัล มาดริด ได้มาในปีก่อนๆ ด้วยเพราะมูลค่าทางการตลาด ที่ทีมในลีกแถวหน้า ท็อป 4 ยุโรป มีส่วนแบ่งสูงกว่าตัวแทนชาติอื่นๆ มาก
• กรณีเดียวกัน ทีมจากชาติเล็กๆ (ทางฟุตบอล) อย่างรัสเซีย, ยูเครน, เดนมาร์ก, บัลแกเรีย ฯลฯ ต่อให้ผลงานดีเข้ารอบลึก ก็อาจทำเงินไม่ได้เท่าทีมจากลีกแถวหน้าที่ตกแค่รอบแบ่งกลุ่ม
• เงินจาก Market Pool สำหรับแต่ละลีก จะมีอยู่หนึ่งก้อน แบ่งให้ตามจำนวนสโมสรตัวแทน เช่นในซีซั่น 2013/14 เงินถูกตัดแบ่งเค้กออกเป็น 4 ส่วน บาร์เซโลน่า รับไป 24.6 ล้านยูโร, เรอัล มาดริด 20 ล้าน, แอตเลติโก มาดริด 17 ล้าน และ เรอัล โซเซียดัด 8.5 ล้าน
• ซีซั่นที่แล้ว ยูเวนตุส ฟันเงินจากส่วนนี้ไปถึง 50 ล้านยูโร เนื่องจากพวกเขาไปไกลถึงนัดชิงชนะเลิศ ขณะที่ตัวแทนอิตาลีอีกทีมอย่าง นาโปลี หยุดแค่รอบ 16 ทีม (และโรม่าตกรอบเพลย์ออฟ)

หนึ่งคือ Prize Money Fund อีกหนึ่งคือ Market Pool เมื่อบวกรวมกันแล้ว แชมป์มีสิทธิ์ได้ถึงหลัก 100 ล้านยูโรเอาง่ายๆ

ตัวอย่างที่ชัดคือซีซั่นที่แล้ว แชมป์อย่าง เรอัล มาดริด ทำเงินจาก UCL ได้ที่ 89.5 ล้านยูโร ขณะที่รองแชมป์ ยูเวนตุส ฟันยับ 101.1 ล้านยูโร (ข้อแตกต่างอยู่ตรงที่ Market Pool อย่างที่กล่าวถึงข้างต้น)

 

รายได้ของคู่ชิงฯ 2016/17

 

 

รอบ ……… เรอัล มาดริด ……… ยูเวนตุส
แบ่งกลุ่ม ……… 12.7 ……… 12.7
โบนัสผลงาน ……… 6 ……… 8
Market Pool ……… 35.3 ……… 50.6
รอบ 16 ทีม ……… 6 ……… 6
รอบ 8 ทีม ……… 6.5 ……… 6.5
ตัดเชือก ……… 7.5 ……… 7.5
นัดชิงฯ ……… 15.5 ……… 11
รวม ……… 89.5 ……… 101.1

 

แชมป์มีลุ้นเงินก้อนโตนับร้อยล้าน ส่วนเงินรางวัลรวมของทัวร์นาเมนต์คือ 1,319 ล้านยูโร… ขณะที่ ฟุตบอลโลก 2018 ที่กำลังจะสาดแข้งกันอยู่เดือนหน้า มีเงินรางวัลรวมที่เพียง 340 ล้านยูโรเท่านั้น (แม้ส่วนแบ่ง TV จะไม่เป็นที่เปิดเผยก็ตาม)

สำหรับซีซั่นนี้ ประเมินกันว่าถ้า ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ พวกเขาจะรับเงินที่ราวๆ 110 ล้านยูโร (ด้าน liverpoolecho ระบุว่าอยู่ที่ 83 ล้าน) ส่วนถ้า เรอัล มาดริด ได้ จะรับน้อยลงมาหน่อย

อาจใช่ที่ด้วยความเงินเฟ้อของตลาดนักเตะทุกวันนี้ (Neymar 222 ล้าน, Kylian Mbappe 145 ล้าน, Aymeric Laporte 65 ล้านยูโร) จำนวนเงินรายได้แตะๆ ร้อยล้านยูโร ว่าไปแล้วก็อาจไม่ได้มากมายนัก ทว่าทุกทีมก็สามารถ ‘ต่อยอด’ จากความสำเร็จใน UCL ไปยังส่วนอื่นๆ ได้หลากหลายทาง ทั้งเรื่องของการโฆษณา, ขายเสื้อขายของที่ระลึก, การตีตลาดสร้างฐานแฟนบอลในสหรัฐอเมริกาและเอเชีย ไปจนถึงการใช้เงินทุนเหล่านั้นมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งในเชิงฟุตบอลให้มากขึ้นอีก ทั้งการซื้อเข้าและรั้งตัวดาวเด่นให้อยู่กับทีมต่อไป

ซึ่งขั้นตอนการต่อยอดนี่แหละ คือสิ่งสำคัญที่จะแปลงรายได้จาก UCL ให้เป็นเม็ดเงินมหาศาลนับพันๆ ล้านยูโร

รอลุ้นกัน ใครจะเป็นผู้ชนะเงินรางวัล 100 ล้านยูโร–ที่สามารถต่อยอดเพิ่มขึ้นได้นับสิบเท่า

ระหว่าง ‘แชมป์ยุโรป 6 สมัย’ ของลิเวอร์พูล กับ ‘แชมป์ 3 ปีซ้อน’ ของ เรอัล มาดริด

เสาร์นี้ มีคำตอบ

 

สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรมและธุรกิจ และต้องการพัฒนาตัวเองเพื่ออยู่ข้างหน้าเสมอ สามารถกด like เพจ AHEAD ASIA เพื่อติดตามเรื่องราวที่มีประโยชน์ และข่าวสารกิจกรรมที่น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน

Subscribe to Our Newsletter

Loading
Total
0
Shares
Previous Article
Khosrowshahi

คุยกับ Dara Khosrowshahi : เมื่อ Uber เตรียมออกบิน

Next Article

สวีเดน 4.0 : ฝัง ไมโครชิป แทนบัตรประชาชน

Related Posts