รถยนต์ไร้คนขับ

โพลฟ้องคนอเมริกันไม่กล้าใช้รถไร้คนขับ

ผลสำรวจจากโพล Axios/SurveyMonkey ระบุชัด ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ทั้งไม่กล้าใช้และหวั่นเกรงอุบัติเหตุที่จะเกิดกับเทคโนโลยี รถยนต์ไร้คนขับ ไม่ว่าจะในฐานะประชาชนคนเดินถนน หรือผู้ขับรถก็ตาม และมีเพียง 33% ที่เผยว่าสนใจจะเป็นเจ้าของรถยนต์ประเภทนี้ในอนาคต

ยานยนต์ไร้คนขับกำลังเป็นนวัตกรรมที่หลายค่ายรถและบริษัทเทคโนโลยีหลายประเทศ ลุยเข้าพัฒนา โดยมีการคาดการณ์จาก ABI Research ว่าภายใน 7 ปีข้างหน้า จะมีผู้ใช้รถไร้คนขับในมาตรฐาน SAE ระดับ 3-5 กว่า 8 ล้านรายทั่วโลก เช่นเดียวกับ Frost & Sullivan ที่คาดว่าอุตสาหกรรมแขนงนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 173,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2023

ยังมีหลายกรณีตัวอย่างที่บ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ดั้งเดิม กำลังมาถึงจุดที่เสื่อมความนิยม เช่น Ford ประกาศลดการขายรถซีดานเหลือเพียง 2 รุ่น หรือ BMW สร้างโมเดลธุรกิจใหม่ให้เช่ารถ ‘Access by BMW’ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคไม่ต้องลงทุนซื้อเป็นเจ้าของ

อย่างไรก็ตาม โพลล่าสุดของ Axios/SurveyMonkey ที่ทำการสำรวจชาวอเมริกันหลายเพศหลายวัยจนถึงช่วงอายุ 54 ปี กลับให้ผลตรงกันข้าม เมื่อคนเหล่านี้ยอมรับว่าไม่กล้าใช้และหวั่นเกรงต่ออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในรถยนต์ไร้คนขับ

ในจำนวนนี้ มีถึง 68% บอกว่าพวกเขาหวั่นกลัวรถยนต์ไร้คนขับ ในฐานะคนเดินถนน ที่ต้องใช้ถนนร่วมกับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยสมองกล และ 64% บอกว่าหวั่นกลัวในฐานะผู้ขับ หากต้องใช้งานรถยนต์ลักษณะนี้ในอนาคต

มีเพียง 10% เท่านั้นที่ยืนยันว่ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งในรถยนต์ไร้คนขับ ไม่ว่าจะในฐานะคนเดินถนนหรือผู้ขับก็ตาม

ส่วนในอีกหัวข้อ ผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของรถยนต์ประเภทนี้ในอนาคต มีอยู่เป็นจำนวน 33%

นอกจากนั้นยังมีโพลจาก Autolist ที่พบว่าผู้คน 27% ไม่เชื่อมั่นในผู้ผลิตรถไร้คนขับเจ้าใดเลย, 32% เชื่อมั่นใน Tesla, 15% Toyota, 9% General Motors, 6% Uber และน้อยกว่า 1% ที่เชื่อมั่นใน Waymo

 

AHEAD TAKEAWAY

แม้จำนวนของการเกิดอุบัติเหตุในรถยนต์ไร้คนขับจะไม่สามารถเทียบได้กับอุบัติเหตุที่เกิดในรถยนต์ปกติธรรมดา แต่การเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ และเป็นข่าวมาตลอดช่วง 1-2 ปีหลัง ก็เป็นปัจจัยที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นสำหรับผู้บริโภคอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีนี้ทำให้เกิดความรู้สึกว่ามันถูกสร้างมาเพื่อมอบ ‘ความปลอดภัยที่มากกว่า’ ให้กับกลุ่มผู้ใช้ แต่ก็ยังไม่สามารถการันตีข้อนี้ได้แต่อย่างใด

Jessica Caldwell ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์อุตสาหกรรมของ Edmunds กล่าวว่า “ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยในรถยนต์ไร้คนขับ ฉะนั้นการเกิดอุบัติเหตุในตลอดช่วงที่ผ่านมาจึงเป็นปัญหาใหญ่”

“เมื่อผู้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ระงับขั้นตอนลง แล้วหันไปตรวจสอบวิเคราะห์ว่ามันเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น มันก็สร้างให้เกิดผลกระทบในระยะยาวกับความคิดของผู้คน นอกจากผู้ผลิตจะต้องย้อนกลับไปมองตัวเองว่าได้ทำทุกอย่างแล้วจริงๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย พวกเขาก็ยังต้องสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้บริโภคด้วยว่าประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้คือการช่วยลดอุบัติเหตุ”

ฉะนั้น จึงเป็นงานหนักของค่ายรถและบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลาย ว่าจะกอบกู้และเพิ่มระดับความมั่นใจที่ผู้บริโภคจะมีต่อรถยนต์ไร้คนขับ ให้อยู่ในจุดที่ดีได้อย่างไร

 

เรียบเรียงจาก
Most Americans fear driverless cars
Part I: Safety drives autonomous car fears, excitement

 

สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรมและธุรกิจ และต้องการพัฒนาตัวเองเพื่ออยู่ข้างหน้าเสมอ สามารถกด like เพจ AHEAD ASIA เพื่อติดตามเรื่องราวที่มีประโยชน์ และข่าวสารกิจกรรมที่น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน

Subscribe to Our Newsletter

Loading
Total
19
Shares
Previous Article
Nas Daily

หลายนาทีกับ แนส เดลี ( Nas Daily ) สุดยอด Vlogger ชาวอิสราเอล

Next Article
Blogger’s Bootcamp by CP All

ซีพีออลล์ จัด Blogger’s Bootcamp ปีที่ 2 “บล็อกกาภิวัฒน์ อย่าให้อนาคต Dirupt เรา”

Related Posts