ในยุคที่อีคอมเมิร์ซกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต และแบรนด์แบบ DNVBs หรือ ‘Digitally Native Vertical Brands’ เกิดขึ้นแทบทุกวัน ในธุรกิจเครื่องประดับก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เมื่อสองหนุ่มเชื้อสายจีนมาพร้อมกับไอเดียที่ทำให้การตามหา แหวนแต่งงาน ที่ใช่กลายเป็นเรื่องง่าย ด้วยความช่วยเหลือจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ
จากเพื่อนฝึกงานสู่หุ้นส่วน
จุดเริ่มต้นของ Holden มาจากการที่ Andrew Lim และ Simon Zhang มีโอกาสฝึกงานร่วมกันที่บริษัทการตลาดแห่งหนึ่ง ในคอนเนกติกัต
ด้วยความที่มีอะไรหลายอย่างคล้ายกัน ทั้งคู่ถึงกลายมาเป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท และรูมเมทในที่สุด
“หลังเลิกงาน เราก็กลับห้อง ทำอาหาร และก็เล่นบาสเกตบอลกัน จนกลายเป็นเพื่อนสนิท”
แม้แต่เมื่อการฝึกงานจบลง ทั้งคู่ก็ยังติดต่อกันเสมอ
Zhang ซึ่งเป็นนักออกแบบเครื่องประดับด้วย จึงชักชวน Lim ให้มาลองทำธุรกิจเครื่องประดับร่วมกัน
โดยใช้ชื่อว่า Mujo (ซึ่งหมายถึง ความไม่สมบูรณ์แบบ ตามแนวคิดของพุทธศาสนานิกายเซน)
ผลิตภัณฑ์หลักของ Mujo คือแหวนและกำไลข้อมือในเทรนด์ Unisex ที่ทั้งชายและหญิงก็สามารถใส่ได้ โดยวางขายในแบบออนไลน์และตามงานแสดงสินค้าต่างๆ ซึ่งทำยอดขายได้ราว 200,000 ดอลลาร์
แม้จะไม่ใช่ตัวเลขที่สูงนัก แต่ก็ช่วยให้ทั้งคู่เริ่มมองเห็นลู่ทาง ก่อนจะชัดเจนมากขึ้นกับธุรกิจตัวถัดมา
ทางเลือกที่สาม
Lim พบว่าการจะหาแหวนแต่งงานที่ถูกใจคนที่เข้าพิธีนั้นเป็นเรื่องยาก ระหว่างไปช่วยในวันสำคัญที่สุดของพี่ชาย
เพราะสุดท้าย หลังจากไปตระเวนหาซื้อตามร้านต่างๆอยู่นาน ทั้งหมดก็ต้องจำยอมเลือกแบบแรกๆที่ดูไว้ แม้จะไม่ตรงกับความต้องการจริงๆก็ตาม
เพราะแหวนที่วางขายตามร้าน แม้จะมีราคาไม่สูงนัก แต่ส่วนใหญ่จะมีรูปแบบใกล้เคียงกันไปหมด
ขณะที่แหวนซึ่งสั่งทำเป็นพิเศษนั้น แม้จะมีออปชั่นมากมายให้เลือก แต่กลับมีราคาสูงจนหลายคนลังเลที่จะยอมจ่าย
เมื่อบวกกับตัวเลขสถิติ ที่ระบุว่าคู่แต่งงานในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2 ล้านคู่
Lim จึงมองเห็นโอกาสในทางการตลาด และเลือกสร้างแบรนด์ Holden ขึ้นมาอุดช่องว่างตรงจุดนี้ นั่นคือแหวนแต่งงานแบบ custom made ที่ราคาไม่แพงจนเกินเอื้อม
“ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ คือคุณสามารถสั่งทำแหวนเฉพาะตัวได้ แต่ต้องจ่ายในราคาแพงมากๆ ส่วนที่วางขายอยู่ทั่วไปตามร้านก็จะเป็นแหวนพื้นๆไม่มีความโดดเด่นอะไร”
“เราจึงเป็นอีกทางเลือกให้ลูกค้าสามารถนำแบบที่ต้องการมาคุยกันว่าจะปรับเปลี่ยนอะไร หรือสลักอะไรเพิ่มได้” Lim อธิบาย
พลังของเทคโนโลยี
ไอเดียของ Zhang และ Lim คืออาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่ปัจจุบัน มีราคาถูกลงจากเดิมมาก มาช่วยให้ขั้นตอนการผลิตของ Holden ง่ายขึ้น
ในเว็บไซต์ของแบรนด์ จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าไปเลือกทรงของแหวนที่ต้องการ รวมถึงขนาด วัสดุ วิธีการขัดเงา รวมถึงคำที่ต้องการสลักลงไปบนพื้นผิว
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้ ก็จะเข้าสู่กระบวนการผลิตต้นแบบของตัวแหวนด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ก่อนจะส่งเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยโรงงานซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของบริษัทต่อไป
ด้วยวิธีนี้ รวมถึงการเปิดรับสั่งทำแบบออนไลน์โดยเฉพาะ ทำให้ Holden สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มาก จึงทำราคาได้ถูกกว่าบริษัทอื่นๆ โดยที่ยังมีกำไร
AHEAD TAKEAWAY
ความโดดเด่นของ Holden คือการใช้ประโยชน์จากอีคอมเมิร์ซ และ เทคโนโลยี 3D printing มาช่วย เพื่อให้สามารถทำราคาได้ดีกว่าคู่แข่งในธุรกิจเครื่องประดับทั้งออนไลน์และออฟไลน์
อย่างไรก็ตาม หากทั้ง Zhang และ Lim ยังยึดองค์ประกอบนี้เป็นจุดขายของแบรนด์เพียงอย่างเดียว
นั่นอาจทำให้กลุ่มลูกค้าของ Holden มีเพียงนักช้อปที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นหลัก (price sensitive) ซึ่งมีแนวโน้มจะเปลี่ยนไปหาแบรนด์อื่นๆได้เสมอ หากรู้สึกว่าคุ้มเงินที่ต้องจ่ายให้มากกว่า
ในกรณีนี้ อาจเป็นแบรนด์คู่แข่งที่มีสายป่านยาวกว่า นำดีไซน์ของ Holden ไปลอกเลียน และหาทางตัดราคาขายด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นแน่นอน เมื่อราคาของเครื่องพิมพ์ 3 มิติถูกลงตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
นอกจากนี้ เรื่องของวัสดุก็มีผลเช่นกัน โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ราคาของวัสดุอย่าง ทองคำ แพลทตินัม ฯลฯ พร้อมจะผันผวนได้ตลอดเวลาจากกรณี trade war ระหว่างสหรัฐกับจีนที่ทำท่าจะไม่สิ้นสุดง่ายๆ
และเมื่อผลกระทบมาถึง จะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับ Holden ที่วางตัวเป็นแบรนด์โลว์คอสต์ตั้งแต่เริ่มต้นอย่างแน่นอน
เรียบเรียงจาก
Holden’s Young Founders Offer Cheaper, Customized Wedding Rings — Thanks To 3D Printing
3D Printing Helps Holden Take Wedding Band Business Right to Customers
Cheaper, Customized, 3D Printed Wedding Rings
สำหรับเพื่อนๆที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรม และธุรกิจ และต้องการพัฒนาตัวเองเพื่ออยู่ข้างหน้าเสมอ สามารถกด like เพจ AHEAD.ASIA เพื่อติดตามเรื่องราวที่มีประโยชน์ และข่าวสารกิจกรรมที่น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกัน
