คุณจะทำอะไรต่อในชีวิต ถ้าเป็นเศรษฐีเงินล้านก่อนอายุ 20? สำหรับ Erik Finman แล้ว เขาไม่ได้หยุดแค่โพสต์รูปตัวเองบนกองเงิน หรือนั่งเต๊ะท่าบนเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวใน Instagram แต่ยังลงทุนในโปรเจกต์แขนกลพิเศษ ที่ถอดแบบมาจาก Doctor Octopus วายร้ายคนสำคัญจาก Spider-Man และอีกสารพัดโครงการ เพื่อคนรุ่นถัดไปด้วย
นักลงทุนบิทคอยน์
ย้อนกลับไปเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว หนุ่มน้อย Finman ในวัยแค่ 12 ขวบ มีโอกาสได้รู้จักกับสกุลเงินดิจิทัลเป็นครั้งแรก
“ผมรู้จักของพวกนี้จากพี่ชายคนโต บิทคอยน์ คือการปฏิวัติวงการ เป็นเครื่องมือของคนรุ่นใหม่ที่จะโค่นตลาดหุ้นในวอลล์สตรีทลง”
สิ่งที่ Finman รู้จากพี่ชาย ไม่ถือว่าผิดไปจากความจริงนัก
เพราะจุดเริ่มต้นของผู้สร้างบิทคอยน์ และเงินดิจิทัลทั้งหลาย ก็มาจากแนวคิดเรื่องการกระจายอำนาจ และไม่รวมศูนย์ หลังเกิดวิกฤตเศรษฐีในสหรัฐเมื่อหลายปีก่อน
และในยุคแรกนั้น บิทคอยน์เองก็ไม่ใช่สิ่งที่หายากเย็นเหมือนอย่างในปัจจุบันเลย ขอเพียงคุณรู้แหล่งที่จะเข้าถึงมันเท่านั้น
Finman ตัดสินใจใช้เงินมรดก 1,000 ดอลลาร์ ที่ได้จากคุณย่า ลงทุนไปกับสกุลเงินดิจิทัลตัวนี้แบบไม่ลังเล
“ทุกคนรู้ว่ามันมีโอกาสที่ราคาจะสูงขึ้น และคิดว่าจะทำเงินจากมันในซักวัน แต่ไม่มีใครคิดจะลงทุนกับมันอย่างจริงจัง”
“คนพวกนั้นพูดว่าราคาบิทคอยน์ จะไต่ไปถึง 100, 200 หรือแม้แต่ 10,000 จนถึง 1 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่มีใครเชื่อมั่นจริงๆ เหมือนคุณหวังว่าโลกนี้จะสงบสุข แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้จริงๆนั่นแหละ”
อายุน้อย…ร้อยล้าน
บิทคอยน์ ไม่ใช่สัญลักษณ์ความเป็นขบถอย่างเดียวในตัว Finman
วิธีการมองโลกที่ไม่เห็นด้วยกับระบบการศึกษาในปัจจุบันก็เช่นกัน
“โรงเรียนไม่ใช่ที่ๆเหมาะกับผม มีครูคนนึงไล่ให้ผมเลิกเรียนแล้วไปทำงานในร้าน McDonald’s เขาบอกว่านั่นคืออย่างเดียวที่ผมทำได้”
ในที่สุด Finman ก็เลิกเรียนจริงๆ เพื่อหันมาทุ่มเทกับการค้นคว้าเรื่องบิทคอยน์อย่างจริงจัง ทั้งที่เวลานั้น มูลค่าต่อหนึ่งหน่วยของบิทคอยน์ เพิ่งอยู่ที่ 10 ดอลลาร์เท่านั้น
Finman ไม่ได้หยุดแค่ 100 บิทคอยน์ ที่เขาได้จากการลงทุนก้อนแรก 1,000 ดอลลาร์
“เหมือนผมกำลังเล่นวิดีโอเกมที่ต้องพยายามเก็บแต้มให้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ”
จนเมื่ออายุ 15 Finman ก็ขายบิทคอยน์ส่วนหนึ่งออกไป แลกกับเงินก้อน 100,000 ดอลลาร์ เพื่อใช้ก่อตั้ง Botangle ธุรกิจออนไลน์ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงนักเรียนและอาจารย์ที่ “คิดต่าง” จากทั่วโลกเข้าด้วยกัน
การเปิดรับบิทคอยน์เป็นหนึ่งในช่องทางชำระเงิน ทำให้จำนวนบิทคอยน์ในมือ Finman ทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
“จริงๆแค่ตอนราคามันเพิ่มเป็น 20 ดอลลาร์ ผมก็ตื่นเต้นแล้ว แล้วมันก็ขยับขึ้นเป็น 100 เป็น 300 มันเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่สำหรับผมเลย ตอนนั้นผมสนุกกับเรื่องนี้มากๆ และก็หยุดไม่อยู่จริงๆ”
ในช่วงพีกสุด เมื่อ 15 ธันวาคม 2017 นั้น บิทคอยน์หนึ่งหน่วยมีราคาถึง 17,900 ดอลลาร์เลยทีเดียว (ขณะที่ปัจจุบัน ราคาลงมาอยู่ที่ราวๆครึ่งหนึ่ง คือ 8,200 ดอลลาร์ต่อหน่วย)
ณ ปัจจุบัน Finman ซึ่งถือบิทคอยน์ในมือไว้ 401 หน่วย ก็ทำให้เขามีทรัพย์สินในมือราวๆ 3.3 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 105 ล้านบาท
Finman เคยทำข้อตกลงไว้กับพ่อแม่ ซึ่งจบปริญญาเอกทั้งคู่ ว่าจะไม่เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ถ้าเขาหาเงินล้านดอลลาร์ก้อนแรกได้ก่อนอายุครบ 18
เมื่อเขาทำได้ พ่อแม่จึงไม่มีทางเลือก นอกจากปล่อยให้ลูกชายคนนี้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ
สิ่งที่ Finman เลือก คือออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก ตอบข้อซักถามของคนที่สนใจใน Reddit AMA รวมถึงขึ้นพูดบนเวทีใน TedX Talk ในฐานะ “อายุน้อยร้อยล้าน แห่งวงการบิทคอยน์”
แขนกลเพื่อเด็กน้อย
Finman มีบุคลิกที่ผสมผสานทั้งความกวนของแร็ปเปอร์ “Pharma bro” Martin Shkreli และความเป็นอัจฉริยะของ Elon Musk ในตัว
เขาตอบโต้กับผู้คนในโลกโซเชียลแบบไม่ยี่หระ หลังโพสต์รูปตัวเองนอนท่ามกลางฟ่อนธนบัตรบนเครื่องบินเจ็ตส่วนบุคคล
แต่ขณะเดียวกัน ก็เจียดเงินบางส่วนมาใช้ในการพัฒนาและสร้างแขนเทียมจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ที่ดูเหมือนตัวละคร Doctor Octopus ใน Spider-Man
แขนกลทั้งสี่นี้ เคลื่อนไหวโดยมอเตอร์แปดตัวซึ่งแข็งแรง และมีพลังมากพอจะยกวัตถุหนักๆได้ และควบคุมง่ายๆด้วยนิ้วกลางของมือสองข้างเท่านั้น
Finman ไม่ได้สร้างแขนกลนี้เพื่อสนองความต้องการส่วนตัว
แต่เพื่อ Aristou Meehan เด็กชายวัย 10 ขวบ ลูกของอาจารย์คนหนึ่ง ซึ่งมีอาการของโรคข้อหลวม/เอ็นข้อหย่อน
“Aristou เป็นเจ้าของไอเดียนี้เอง เพราะเขาเป็นสาวกของ Spider-Man เขาบอกผมว่าถ้ามีแขนของ Doctor Octopus ชีวิตเขาก็จะสบายขึ้น ผมว่ามันเป็นไอเดียที่เข้าท่ามากๆ”
แขนกลดังกล่าวไม่ใช่แค่ช่วยให้ชีวิตของ Aristou สบายขึ้น แต่ Finman เล่าว่ามันยังช่วยให้เจ้าหนูวัย 10 ขวบ มีเพื่อนมากขึ้นด้วย
ตั้งเป้าสู่อนาคต
นอกจากแขนกลดังกล่าวแล้ว Finman ยอมรับว่าเขาเริ่มมองเห็นโอกาสที่จะขยับขยายไปสู่การทำสิ่งต่างๆในอนาคตด้วย
“ตอนนี้ที่ผมคิดไว้ก็คือคอนเซปต์คาร์ เราเริ่มคุยกับหลายๆคนที่สนใจจะร่วมงานกันแล้ว”
Finman ยังหวนกลับไปซื้อ Botang บริษัทที่เขาขายไปเมื่อสี่ปีก่อน เพราะต้องการปรับปรุงให้กลายเป็นแพลตฟอร์มด้านการศึกษา สำหรับเด็กๆรุ่นใหม่ด้วย
เพราะเจ้าตัวเชื่อว่าเด็กๆควรจะมีทางเลือกให้กับตัวเองตั้งแต่เรื่องการศึกษา
ในยุคที่ทุกอย่างเปิดกว้างด้วยพลังของเทคโนโลยีอย่างในปัจจุบัน
AHEAD TAKEAWAY
หลายคนอาจจะไม่เห็นด้วยการตัดสินใจดร็อปเอาท์ของ Finman ซะทีเดียว
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ว่าระบบการศึกษาที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ไม่สามารถตอบโจทย์วิธีการมองโลกของเด็กหนุ่มคนนี้ รวมถึงคนที่ประสบความสำเร็จอีกจำนวนมาก
การไม่เชื่อถือในระบบเดิมๆ และพยายามมองหาช่องทางใหม่ๆ อย่างบิทคอยน์
กลายเป็นโอกาสให้ชีวิตของ Finman สามารถประสบความสำเร็จได้ โดยไม่ต้องเดินตามรอยพ่อแม่ หรือตามกรอบที่ระบบการศึกษาแบบเดิมวางไว้ให้
แน่นอนว่าบิทคอยน์ เงินดิจิทัล หรือบล็อกเชน อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของทุกเรื่อง แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่าหากคุณเลือกที่จะทุ่มเทกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเต็มที่
ก็ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่คิดแต่ไม่ลงมือทำเหมือนที่ Finman ว่าไว้นั่นเอง
เรียบเรียงจาก
Why a 19-year-old Bitcoin millionaire built a working Dr. Octopus suit
หากคุณเชื่อว่านวัตกรรม คือโอกาสใหม่ๆที่กำลังจะมาถึง 19-23 มิถุนายนนี้ เตรียมสัมผัสกับนวัตกรรมระดับซิลิคอน วัลลีย์ใจกลางกรุงเทพมหานคร ใน RISE INNOVATION WEEK 2018 และ THE BLOCK CLUB ที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงเรื่องเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น จากผู้เชี่ยวชาญและคนในวงการจากทุกมุมโลก ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง http://bit.ly/RiseInno2018 และ http://bit.ly/theblockclub2018