Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Facebook เจอข่าวร้ายสองเรื่องซ้อน เมื่อรัฐบาลจีนกลับลำ ยกเลิกไม่ให้เข้าไปศูนย์นวัตกรรมทางตอนใต้ของเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง และเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัทก็ดิ่งลงถึง 24 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้เจ้าตัวสูญเงินถึง 16,800 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 5.6 แสนล้านบาท ภายในวันเดียว
วานนี้ Washington Post รายงานว่า Facebook เพิ่งได้รับไลเซนส์สำหรับการสร้างสำนักงานย่อยในจีน ในชื่อ Lianshu Science & Technology ด้วยทุนจดทะเบียนจำนวน 30 ล้านดอลลาร์ (998 ล้านบาท) โดยมี Facebook Hong Kong Limited เป็นเจ้าของ เพื่อดำเนินธุรกิจอินคิวเบเตอร์ คอยดูแลสตาร์ทอัพในจีน
แต่เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง ประกาศที่ตีพิมพ์ในระบบการให้ข้อมูลเครดิตขององค์กรแห่งชาติจีนได้หายไป โดยแหล่งข่าวซึ่งปฏิเสธจะเปิดเผยตัว ระบุว่า รัฐบาลจีนได้ยกเลิกคำสั่งอนุมัติดังกล่าวแล้วโดยอธิบายต่อว่า เป็นผลจากความไม่ลงรอยกันระหว่างเจ้าหน้าที่ในเจ้อเจียง และหน่วยงานด้านอินเทอร์เน็ตแห่งชาติ Cyberspace Administration of China ซึ่งไม่พอใจที่ไม่ได้มีส่วนพิจารณาคำสั่งใกล้ชิดอย่างที่ควรจะเป็น
การยกเลิกคำสั่ง ทำให้แผนการสร้างศูนย์นวัตกรรมเพื่อสตาร์ทอัพท้องถิ่น ต้องถูกพับไป และยังไม่แน่ชัดว่าพวกเขาจะได้ไฟเขียวครั้งใหม่อีกหรือไม่ในอนาคต
หุ้นดิ่ง20%หลังประกาศผลไตรมาสสอง
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่าราคาหุ้นของบริษัทนั้นดิ่งลงไปเกือบ 24% ภายในวันเดียว ภายหลัง David Wehner CFO ของบริษัท แถลงผลประกอบการในไตรมาสที่สอง พร้อมกล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงอีกในสองไตรมาสที่เหลือ
ผลกระทบที่ตามมา ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของ Zuckerberg นั้นหายไปราว 1 ใน 5 ของทั้งหมด คือราว 16,800 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5.6 แสนล้านบาท เท่ากับว่าในปัจจุบัน มูลค่าทรัพย์สินรวมของผู้ก่อตั้ง Facebook จะเหลือไม่ถึง 70,000 ล้านดอลลาร์ (2.3 ล้านล้านบาท) และตกจากอันดับ 3 ในดัชนี Bloomberg Billionaires มาอยู่ในอันดับ 6 แทน
การทำรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ต้งไว้ ถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมากสำหรับ Facebook โดยคร้ังสุดท้ายที่กรณีนี้เกิดขึ้น คือในไตรมาสแรกของปี 2015
แต่คาดว่าครั้งนี้อาจรุนแรงกว่า เพราะเป็นผลกระทบจากความเชื่อมั่นของยูสเซอร์จำนวนมาก ทั้งกรณี Cambridge Analytica การแทรกแซงจากรัสเซียระหว่างเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งล่าสุด ปัญหาข่าวปลอม และ hatespeech ต่างๆที่สะสมมานาน รวมถึงการต้องปรับเปลี่ยนตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป
AHEAD TAKEAWAY
เงิน 16,800 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 5.6 แสนล้านบาท ที่ Zuckerberg สูญไปภายในวันเดียว มหาศาลขนาดไหนนั้น
พูดให้เห็นภาพคือ ถ้าเกิดกับมหาเศรษฐีคนอื่นๆ ราว 87% ใน Bloomberg Billionaires แล้วละก็ คนเหล่านั้นจะกลายเป็นขอทานในชั่วพริบตา อาทิ
Charlene De Carvalho-Heineken ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของ Heineken NV ผู้ผลิตเบียร์อันดับสองของโลก มีทรัพย์สินรวมอยู่ที่ 16,700 ล้านดอลลาร์ (5.56 แสนล้านบาท หรือ Zhang Zhidong ผู้ร่วมก่อตั้ง Tencent มีทรัพย์สินที่ 16,200 ล้านดอลลาร์ (5.39 แสนล้านบาท)
หรือถ้าเปรียบเทียบกับอันดับมหาเศรษฐีไทยในลิสต์ของ Forbes ปีล่าสุด จะมีเพียง ตระกูลเจียรวนนท์ (9.5 แสนล้านบาท), ตระกูลจิราธิวัฒน์ (6.7 แสนล้านบาท) , คุณเฉลิม อยู่วิทยา (6.6 แสนล้านบาท) และคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี (5.79 แสนล้าบาท) เท่านั้น ที่จะยังเหลือทรัพย์สินอยู่ หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
Brian Wieser นักวิเคราะห์จาก Pivotal Research กล่าวกับ Economic Times ว่า ณ วันนี้ สถานะของ Facebook นับวันจะมีแต่ตกต่ำลง หลังไต่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว
แม้จะมีตัวเลขระบุว่าแต่ละเดือนมีผู้ใช้งานราว 2,230 ล้านคน แต่โอกาสที่จำนวนเหล่านี้ จะเพิ่มขึ้นอีกคงเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะในตลาดใหญ่สุดอย่างอเมริกาเหนือ (สหรัฐและแคนาดา) ซึ่งเริ่มอิ่มตัวแล้ว คือราว 185 ล้านคน
ขณะที่ความพยายามในการขยายฐานผู้ใช้ไปสู่จุดอื่นๆ ก็อาจจะยังติดขัดเรื่องอินเตอร์เน็ตซึ่งยังไม่ครอบคลุมในบางพื้นที่ รวมถึงในบางส่วนของโลกที่ยังปิดกั้นอยู่ เช่น จีน เป็นต้น
ถึงอย่างนั้น Facebook ก็ยังมีทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลในมืออยู่ นั่นคือข้อมูลของผู้ใช้งานที่เจาะลึกลงไปถึงขั้นรสนิยมและความชอบ ซึ่งถือเป็นอาวุธสำคัญในการโฆษณา ทำให้บริษัทยังคงเป็นผู้นำในด้านการโฆษณาออนไลน์ เทียบเคียงกับ Alphabet บริษัทแม่ของ Google เช่นเดิม
ขึ้นกับว่าจากนี้ บริษัทจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร เพื่อดึงสถานการณ์ให้กลับมากระเตื้องขึ้นอีกครั้ง
เรียบเรียงจาก
China Said to Quickly Withdraw Approval for New Facebook Venture
Zuckerberg loses $16.8 billion in a snap as Facebook plunges
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรมและธุรกิจ และต้องการพัฒนาตัวเองเพื่ออยู่ข้างหน้าเสมอ สามารถกด like เพจ AHEAD ASIA เพื่อติดตามเรื่องราวที่มีประโยชน์ และข่าวสารกิจกรรมที่น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน