Tesla เผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ขาดทุนหนักเป็นประวัติการณ์ถึง 717.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 23,900 ล้านบาท) แต่ในภาพรวมยังได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุน หลังราคาหุ้นขยับขึ้นเกือบ 10% หลังนโยบายรัดเข็มขัดของบริษัทลดอัตราการเผาเงินทุนลงได้เป็นรูปธรรม พร้อมกับที่ผลิตรถยนต์รุุ่นความหวังอย่าง Model 3 ได้ตามเป้าในช่วงที่ผ่านมา
ตัวเลขขาดทุนดังกล่าว นับเป็นการขาดทุนรายไตรมาสครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท หรือสูงเป็น 2 เท่าของผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ในรายงานฉบับเดียวกัน พบว่าอัตราการเผาเงินลงทุน (burn rate) ของบริษัทลดลงไปมาก โดยใช้ไปทั้งสิ้น 430 ล้านดอลลาร์ (ราว 14,319 ล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี ที่สูญเงินสดไปเป็นจำนวน 739.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 24,000 ล้านบาท) ซึ่งเป็นผลจากการลดค่าใช้จ่ายโดย เลิกจ้างพนักงาน 9 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนถึงกว่า 4,000 คน เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ส่งผลให้บริษัท ยังมีเงินสดคงคลังเหลืออยู่ประมาณ 2,200 ล้านดอลลาร์ (73,000 ล้านบาท) ขณะเดียวกัน บริษัทก็เริ่มที่จะผลิตรถยนต์รุ่น Model 3 ได้ตามเป้า 5,000 คันต่อสัปดาห์ จนสามารถเปิดจองรถยนต์เพิ่มเติมสำหรับผู้ที่สนใจได้แล้ว
ปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลให้ ราคาหุ้นของ Tesla ในช่วงเช้าวันพุธตามเวลาสหรัฐ ขยับขึ้น 9.3 % มาอยู่ที่หน่วยละ 328.85 ดอลลาร์ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนจำนวนหนึ่งยังไว้ใจในศักยภาพของบริษัท แม้ว่าในระยะยาว ยังมีแนวโน้มว่าอาจต้องเปิดการระดมทุนเพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ก็ตาม
Elon Musk ได้กล่าวขอโทษต่อสื่อ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับนักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets เรื่องการระเบิดอารมณ์บ่อยครั้ง พร้อมอ้างว่าเป็นเพราะเหนื่อยล้าจากการทำงานเกินกว่าสัปดาห์ละ 110 ชั่วโมง “สิ่งที่ผมทำลงไปมันไม่ถูกต้อง หวังว่าคุณจะยอมรับคำขอโทษของผม”
AHEAD TAKEAWAY
ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของ Tesla นั้น มีทั้งแง่ลบและบวกให้พิจารณา ขึ้นอยู่กับว่าจะมองในมุมไหน
เพราะหากเปรียบเทียบว่าเป็นการขาดทุนจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน “ถึงสองเท่า” คงไม่ใช่เรื่องดีนัก
แต่หากมองว่าขาดทุนมากกว่าไตรมาสแรก “เพียงเล็กน้อย” พร้อมนำปัจจัยเรื่อง burn rate ที่ลดลงจากไตรมาสก่อนชนิดครึ่งต่อครึ่ง มาประกอบด้วย ก็อาจตีความได้เช่นกันว่า Elon Musk กำลังพยายามอย่างหนักที่จะนำบริษัทกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง
โดยมีเป้าหมายคือการนำบริษัทมีกำไรเป็นครั้งแรกนับแต่ก่อตั้ง ภายในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้
ซึ่งปัจจัยหลักๆนั้น คงหนีไม่พ้น Model 3 ที่มุ่งเป้าจะเจาะตลาด Mass-market และได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างล้นหลาม มีการจ่ายเงิน 1,000 ดอลลาร์ลงชื่อจองจากผู้คนนับพัน
โดย Musk หวังว่าจะสามารถขยับอัตราผลิตรถรุ่นนี้จาก 5,000 ให้เป็น 6,000 คันต่อสัปดาห์ ภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้ได้ถึงระดับ 50,000 – 55,000 คันในตลอดไตรมาสที่ 3
และยังเผยว่าต้องการที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้เป็น 10,000 คันต่อสัปดาห์ภายในปีหน้า
ทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทขยับขึ้นอีกเกือบ 10% สวนกระแสขาดทุนเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม Rebecca Lindland นักวิเคราะห์จาก Kelley Blue Book ยังแนะว่านักลงทุนควรจับตาสถานการณ์ของ Tesla และประเมินให้ดี เพราะอาจมีปัจจัยเรื่องความต้องการ Model 3 อาจลดลงเนื่องจากเสียเวลารอนานเกินไปก็เป็นได้
“การคาดการณ์ถึงกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี เป็นเรื่องน่าชื่นชม แต่มันขึ้นอยู่กับการขาย Model 3 ที่มีราคาแพงกว่าที่ผู้บริโภคจำนวนมากคาดหวัง” Lindland กล่าว “และยังต้องถามว่าพวกเขาจะสร้างกำไรได้จริงหรือไม่เมื่อเริ่มต้นขายรถที่มีราคา 35,000 ดอลลาร์ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าสำหรับผู้บริโภค”
เรียบเรียงจาก
Tesla reported the biggest loss in its history. But it could’ve been worse
Tesla posts record net loss of $717.5 million in Q2 as it cranked out more Model 3 electric cars
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรมและธุรกิจ และต้องการพัฒนาตัวเองเพื่ออยู่ข้างหน้าเสมอ สามารถกด like เพจ AHEAD ASIA เพื่อติดตามเรื่องราวที่มีประโยชน์ และข่าวสารกิจกรรมที่น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน