มูลค่ารวมตลาดของ เงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ในทุกสกุล ยังฟุบไม่มีฟื้นนับแต่ย่างเข้าปี 2018 เป็นต้นมา จนล่าสุดถอยมาอยู่ที่ 191,000 ล้านดอลลาร์ (6.3 ล้านล้านบาท) เป็นครั้งแรก ที่มูลค่าตลาดลดต่ำกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ (6.6 ล้านล้านบาท) นับจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ในรอบปีที่ผ่านมา กระแส เงินดิจิทัล เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วชนิดก้าวกระโดด โดยเฉพาะสกุลหลักอย่าง Ethereum ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 1,400% ภายในระยะเพียงสามเดือน จนมีช่วงหนึ่งในปี 2017 ที่มูลค่าตลาดโดยรวมของคริปโต ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 800,000 ล้านดอลลาร์ (26.6 ล้านล้านบาท) ส่วนสกุลที่ได้รับความนิยมสูงอย่าง Bitcoin ก็เคยมีราคาถึงกว่า 20,000 ดอลลาร์ (6.6 แสนบาท) ต่อหนึ่งหน่วย
กระนั้นเมื่อเข้าสู่ปี 2018 เป็นต้นมา มูลค่าของเงินดิจิทัลสกุลต่างๆ กลับค่อยๆ ตกต่ำลงเป็นลำดับ
โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา Bitcoin มีการซื้อขายที่ระดับ 6,007 ดอลลาร์ ลดลง 14.42% ด้าน Ethereum อยู่ที่ 264 ดอลลาร์ ลดลง 35.28% ส่วนสกุลเงินสำคัญอื่นๆ เช่น Ripple, Bitcoin Cash และ EOS ต่างก็ลดมูลค่าลงด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กลับไม่พบสัญญาณชัดเจนสำหรับการเสื่อมถอยด้านมูลค่าครั้งนี้ มีเพียงทรรศนะจาก Charles Hayter ซีอีโอของ CryptoCompare ว่าเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากการที่แผนการตั้งกองทุนเปิดสำหรับจดทะเบียนและซื้อขายเงินดิจิทัลในตลาดหลักทรัพย์ ถูกปฏิเสธ จนกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุน
“คุณต้องจำขึ้นใจว่า Bitcoin และตระกูลเงินดิจิทัลเหล่านี้กำลังเปิดเวทีใหม่ทางการเงิน ความหวังและการคาดเดาที่ทำให้ตลาดบูมขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ได้ถูกกัดเซาะในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา”
Hayter ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การที่สกุลเงินดิจิทัลจะกลับมามีมูลค่าได้อีกครั้ง “มันยังต้องใช้เวลา กว่าที่ cryptosphere จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกระแสหลัก และก็ยังมีอะไรอีกมากให้ต้องลงมือทำไ
AHEAD TAKEAWAY
จากแนวโน้มในปัจจุบัน เริ่มมีการพูดถึงกันบ้างแล้วว่าสถานะของเงินดิจิทัลตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับฟองสบู่ แม้แต่ Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum สกุลเงินคริปโตอันดับสอง ยังยอมรับว่า “ไม่มีทางหยุดยั้งได้”
There's no "cure" for bubbles except to let them run their course and pop, unfortunately.
— vitalik.eth (@VitalikButerin) June 13, 2017
การที่ราคาของ Ethereum ลดลงถึงกว่า 35% หรือ 1 ใน 3 นั้น ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ในฐานะที่เงินสกุลถูกใช้โดยหลายๆโครงการบล็อกเชน เพื่อระดมทุนด้วยเงินดิจิทัล (ICOs) ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีหลายพันโครงการสามารถทำเงินเป็นจำนวนนับล้านดอลลาร์ด้วยวิธีนี้
ข้อมูลจากบริษัทวิจัย Santiment ยังเสริมว่าสตาร์ทอัพจำนวนมากที่ระดมทุนแบบ ICO ด้วยเงินดิจิทัลสกุลนี้ มีแนวโน้มที่จะรีบขายออกไป เพื่อแลกกับเงินดอลลาร์ หรือยูโร ซึ่งเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้ราคาของมันตกลงไปอีก
และเมื่อราคาของ Ether (ชื่อสกุลเงินของ Ethereum) ตกลง ก็พลอยฉุดให้โทเคนซึ่งสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม มีราคาลดลงตามไปด้วย
สถานการณ์นี้ยังย้อนกลับไปส่งผลเสียกับสตาร์ทอัพหลายรายที่ใช้วิธีระดมทุนแบบ ICO อย่างเห็นได้ชัด หนึ่งในนั้นคือ Envion บริษัทเหมืองขุดเงินดิจิทัล สามารถระดมทุน ได้ถึงมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือน ม.ค. แต่ตอนนี้มูลค่าของโทเคนทั้งหมด รวมกัน ยังไมถึง 7 ล้านดอลลาร์ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ยังมีนักวิเคราะห์บางราย มองว่ามีโอกาสที่เงินดิจิทัล โดยเฉพาะบิทคอยน์ จะดีดตัวกลับขึ้นไปอีกครั้ง ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึง 50,000 ดอลลาร์ต่อหน่วย ภายในสิ้นปีนี้
เรียบเรียงจาก
Cryptocurrency market cap drops below $200 billion for the first time this year
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรมและธุรกิจ และต้องการพัฒนาตัวเองเพื่ออยู่ข้างหน้าเสมอ สามารถกด like เพจ AHEAD ASIA เพื่อติดตามเรื่องราวที่มีประโยชน์ และข่าวสารกิจกรรมที่น่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน