Facebook เริ่มต้นให้บริการฟีเจอร์หาคู่ Facebook Dating อย่างเป็นทางการแล้ว ที่โคลอมเบียเป็นประเทศแรก และเตรียมขยายขอบเขตการให้บริการไปยังประเทศอื่นๆต่อไป หากประสบความสำเร็จด้วยดี
ฟีเจอร์นี้ เคยถูกพูดถึงโดย Mark Zuckerberg ในงานสัมมนา F8 เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการแถลงยืนยันว่า โคลอมเบีย ในทวีปอเมริกาใต้ จะเป็นชาติแรกในโลกที่ได้ใช้บริการนี้
ฟีเจอร์ Dating ไม่ใช่แอพสแตนด์อโลนที่ผู้ใช้ต้องโหลดเพิ่มเติมเหมือน Messenger แต่จะฝังตัวอยู่ในปุ่มเมนูของแอพ Facebook เดิม โดยมีข้อจำกัดอยู่ที่การสามารถใช้งานได้ผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้น และผู้ใช้ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งในตอนนี้เปิดใช้แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ยังไม่มีแบบพรีเมียม รวมถึงไม่มีการแทรกโฆษณาด้วย
จุดเด่นของ Facebook Dating คือการไม่ต้องนำบัญชีไปผูกกับใคร และสามารถใช้ข้อมูลภายใน เช่น อีเวนท์ หรือกลุ่มต่างๆ มาเป็นปัจจัยในการจับคู่ระหว่างสองฝั่ง
“การออกเดทเป็นพฤติกรรมที่เราได้เห็นใน Facebook นานมากแล้ว” Nathan Sharp ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ กล่าว “เราอยากช่วยให้มันง่ายและสะดวกขึ้นสำหรับคนที่มีส่วนร่วม และตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม”
แม้จะเป็นการสร้างโปรไฟล์แยกเพื่อใช้ในฟีเจอร์ แต่สิ่งที่ถูกเชื่อมต่อมาจากบัญชีหลักจะมีเพียงชื่อและอายุเท่านั้น โดยเมื่อผู้ใช้สร้างบัญชี Dating แล้ว ก็จะต้องใส่ข้อความอธิบายตัวตนเพิ่มเติม สำหรับรูปภาพจะสามารถใส่ได้ 9 ภาพในระบบ iOS และ 12 ภาพในระบบ Android ซึ่งสามารถเลือกที่มาได้หลากหลาย ทั้งในอัลบั้มของโทรศัพท์, รูปที่มีการอัพโหลดในโซเชียลมีเดีย จนถึงรูปใน Instagram
ผู้ใช้ยังจะต้องป้อนตำแหน่งที่ตั้งของตัวเองลงไป ซึ่งระบบจะตรวจสอบผ่าน GPS ในโทรศัพท์ และผู้ใช้สามารถเสาะหาคู่เดตได้ในรัศมี 100 ก.ม. รอบตัว ซึ่งเป็นอีกจุดที่แตกต่างจากแอพอื่น เนื่องจากผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อเรียกดูข้อมูลในสถานที่อื่นได้ เว้นแต่ว่าจะลงทะเบียนยืนยันใหม่ตาม GPS
เมื่อเริ่มใช้ฟีเจอร์ Dating แล้ว ระบบจะไม่รวมเพื่อนของผู้ใช้เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยคู่เดตที่มีให้เลือกจะเป็นเพื่อนของเพื่อน หรือคนที่ไม่เคยติดต่อกันมาก่อนเท่านั้น เช่นเดียวกับกลุ่มคนที่ถูกบล็อคจากบัญชี ก็จะไม่ถูกใส่ไว้เช่นกัน ส่วนในกรณีแฟนเก่า หากว่าผู้ใช้ยกเลิกการเป็นเพื่อน (unfriend) ไปแล้ว ระบบก็มีสิทธิ์จะใส่ชื่อไว้เป็นตัวเลือก
ในการค้นหาคู่เดต ระบบจะพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่นตำแหน่งของผู้ใช้, การชอบหน้าเว็บที่เหมือนกัน, ความคล้ายคลึงกันระหว่างโปรไฟล์ของสองฝั่ง และจำนวนการมีเพื่อนร่วมกัน ซึ่งเมื่อพบคนที่ถูกใจแล้วก็จะสามารถ “แสดงความสนใจ” ได้โดยการแตะรูปภาพหรือตอบคำถามบางอย่าง รวมถึงสามารถส่งข้อความโดยตรงได้โดยไม่จำเป็นต้องแมตช์กันก่อนแบบ Tinder
Facebook ยืนยันว่าเป้าหมายคือการส่งเสริมการสนทนาที่เกิดขึ้นจริงระหว่างผู้คน และ Sharp ย้ำว่าฟีเจอร์นี้มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมความสัมพันธ์ที่มีความหมายมากกว่า One Night Stand แต่ก็ยอมรับว่ากรณีนี้มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับแอพนัดเดตเจ้าอื่นๆ
สำหรับฟีเจอร์ Dating ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบใช้งานจริงเท่านั้น โดยที่ผ่านมาพวกเขามักจะทดลองใช้ฟีเจอร์และแอพใหม่ๆ เป็นเวลา 1 ปีหรือนานกว่านั้นเพื่อค้นหาความลงตัว และหากประสบความสำเร็จในโคลอมเบีย ก็อาจขยายพื้นที่ให้บริการออกไปยังประเทศอื่น หรือสร้างแอพแยกของ Dating ออกมาโดยเฉพาะต่อไป
AHEAD TAKEAWAY
นอกจากแอพหาคู่ยอดนิยมอย่าง Tinder แล้ว Dating จะเป็นคู่แข่งของ Hinge แอพนัดเดตที่ก่อตั้งเมื่อปี 2012 ซึ่งปัจจุบันก็ตกไปอยู่ในความดูแลของ Match Group เช่นเดียวกับ Tinder
ข้อได้เปรียบของ Dating คือการที่ไม่ต้องนำโปรไฟล์ไปผูกกับบัญชีโซเชียลมีเดีย เหมือนอย่างที่ทั้ง Tinder และ Hinge ต่างก็ผูกกับบัญชีของ Facebook นี่เอง
และที่สำคัญ ฐานผู้ใช้ที่มีอยู่กว่า 2,200 ล้านคนทั่วโลก ก็จะเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้ Dating มีแนวโน้มจะไปได้สวย แม้ยังต้องรอเวลาเพื่อดูว่าขั้นตอนทดลองใช้จริงในโคลอมเบีย จะออกหัวหรือออกก้อยก็ตาม
สำหรับการเลือกโคลอมเบียแทนที่จะเป็นตลาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ นั้น น่าจะมาจากการที่บริษัทต้องการดูความเคลื่อนไหวของการใช้ในวงแคบกว่าเสียก่อน ซึ่งประชาชนในโคลอมเบียใช้งาน Facebook อยู่ที่ประมาณ 29 ล้านคน จากข้อมูลเมื่อปลายปีที่แล้ว
และแม้ฟีเจอร์นี้จะสร้างขึ้นด้วยเจตนาดีที่ต้องการให้ผู้คนสานสัมพันธ์กันจริง พบปะกันจริง มากกว่าอยู่แต่ในโลกโซเชียล แต่สิ่งที่ Facebook ต้องจับตา สร้างมาตรการความปลอดภัย และคาดหวังจะไม่ให้เกิดขึ้น (หรือน้อยที่สุด) ก็คือการที่ฟีเจอร์ถูกใช้ไปในทางไม่ประสงค์ดี เป็นช่องทางอาชญากรรมทั้งต่อเพศตรงข้ามและทรัพย์สิน
เพราะคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับบริษัทแน่นอน หากเกิดคดีร้ายแรงขึ้น และฟีเจอร์ Dating ถูกมองว่าเป็นช่องทางการก่อเหตุ
เรียบเรียงจาก
Facebook Dating launches today with a test in Colombia
Facebook Dating ไม่ใช่ฟีเจอร์เด่นๆเรื่องเดียวจากงาน F8 ปีล่าสุด ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น เราอยากชวนคุณย้อนกลับไปทบทวนในคลิปนี้กัน
AHEAD.ASIA คือสำนักข่าวเจาะลึกด้านนวัตกรรม และธุรกิจ
อย่าลืมกดติดตามเพจและคอมมูนิตี้ของเรา สำหรับเรื่องล้ำๆ และข่าวสารกิจกรรมต่างๆ
เพื่อเราจะได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน