Huawei แถลงปฏิเสธรายงานจาก The Australian ว่าทางบริษัทได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลจีนในการแทรกซึมเครือข่ายต่างประเทศ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลลับ พร้อมยืนยันระบบของบริษัทมี “บันทึกความปลอดภัยทางโลกไซเบอร์ที่ไร้ข้อบกพร่อง” หลังถูกหน่วยงานรัฐของออสเตรเลีย แบนจากการมีส่วนร่วมในเครือข่าย 5G เมื่อเร็วๆนี้
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา The Australian สื่อในอสเตรเลีย ได้เผยแพร่รายงาน ซึ่งได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวระดับฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ ว่าพนักงานของ บริษัท ถูกใช้โดยหน่วยสืบราชการลับของจีนในการรับรหัสเข้าถึงเพื่อแทรกซึมเครือข่ายต่างประเทศ ซึ่งนับเป็นชาติล่าสุดที่ตั้งแง่กับอุปกรณ์เทคโนโลยีของผู้ผลิตรายนี้ นอกเหนือจากสหรัฐและแคนาดา ที่ตกเป็นข่าวต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นปี
ด้านโฆษกของบริษัท ได้แถลงปฏิเสธเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ว่าไม่เคยได้รับการติดต่อหรือร้องขอให้จัดหาข้อมูลผู้ใช้งาน จากหน่วยงานใดๆของรัฐ พร้อมระบุว่ารายงานดังกล่าว “ถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีหลักฐานใดๆ รองรับ”
“เราพร้อมที่จะชี้แจงบทบาทของเรา เพื่อให้เกิดความสมดุลและอยู่บนพื้นฐานความโปร่งใสและข้อเท็จจริง มากกว่าการคาดเดาที่คลุมเครือและไม่ได้รับการยืนยัน”
รายงานจาก The Australian นั้น สอดคล้องกับกรณีที่ ไมค์ เบอร์เจสส์ ผู้อำนวยการทั่วไปกรมการสื่อสารออสเตรเลีย (ASD) ได้เสนอให้แบนผู้ให้บริการเครือข่ายจากจีน ในการมีส่วนร่วมกับเครือข่ายความเร็วสูง 5G เนื่องจากมองเห็นว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดปัญหาตามมา
“ความแตกต่างระหว่างเครือข่ายหลักและรอง จะหายไปใน 5G นั่นหมายความว่าภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในจุดใดจุดหนึ่ง จะเป็นภัยคุกคามต่อเครือข่ายทั้งหมด ในการหารือกับผู้ประกอบการและผู้จัดจำหน่ายในปีนี้ เรากำลังพยายามค้นหาว่ามีวิธีป้องกันเครือข่าย 5G ของเราอย่างไรบ้าง หากมีอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงสูงปรากฎขึ้น”
ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมจากจีน เพิ่งถูกเบรคโดยรัฐบาลออสเตรเลีย ในการร่วมเปิดตัวเครือข่าย 5G เมื่อเดือน ส.ค. เนื่องจากปัญหาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ขณะที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน และเครือข่ายโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่จากจีน ก็โต้กลับว่าเป็นการตัดสินใจโดยไม่ได้อิงตามข้อเท็จจริง แต่เป็นผลจากความขัดแย้งทางการเมืองในพรรคลิเบอรัล
“การสกัดกั้นเราจากตลาด 5G ของออสเตรเลีย เป็นผลทางการเมือง ไม่ใช่จากกระบวนการที่โปร่งใส ซึ่งไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ระยะยาวของชาวออสเตรเลีย ทำให้ผู้บริโภคพลาดโอกาสเลือกเทคโนโลยีการสื่อสารที่ดีที่สุด”
“การกระทำของรัฐบาลออสเตรเลียทำลายหลักการของการแข่งขันและการไม่เลือกปฏิบัติในการค้าอย่างเป็นธรรม”
AHEAD TAKEAWAY
แม้จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลกได้ในเวลาอันสั้น แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่โยงใยกับหน่วยงานของจีนมาตลอด ทำให้ Huawei ถูกตั้งแง่จากหน่วยงานรัฐของประเทศต่างๆเสมอ และยิ่งรุนแรงหนักข้อขึ้นในระยะหลัง โดยเฉพาะท่าทีของสหรัฐ เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนล่าสุด
หน่วยงานรัฐต่างๆ ตัดสินใจเบรคการใช้งานผลิตภัณฑ์ต่างๆของบริษัท และ ZTE ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง
และยังลามไปถึงการถูกสกัดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเครือข่าย 5G จากประเทศต่างๆ
เริ่มจากวุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกา มาร์โก รูบิโอ และ มาร์ค วอร์เนอร์ เอ่ยปากแนะนำนายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด ให้สั่งระงับพวกเขาจากการมีส่วนร่วมในเครือข่าย 5G ของแคนาดา
เช่นเดียวกับรายงานที่ว่าบริษัทถูกแบนจากรัฐบาลอินเดีย จากการเข้าร่วมการทดลอง 5G เช่นเดียวกับ SK Telecom ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ตัดชื่อพวกเขาจากรายชื่อผู้จัดจำหน่าย 5G เหลือเพียงการดำเนินการร่วมกับ Ericsson, Nokia และ Samsung เท่านั้น
และล่าสุด คือการถูกออสเตรเลียแบน พร้อมกับรายงานจากหนังสือพิมพ์ The Australia จนทางบริษัทต้องแถลงการณ์ตอบโต้ในครั้งนี้
ซึ่งหากไม่สามารถแก้ข้อครหานี้ได้ โอกาสที่บริษัทจะได้ไปต่อในวงการโทรคมนาคม และประสบความสำเร็จในหลายๆประเทศที่พัฒนาแล้ว คงเป็นไปได้ยาก ต่อให้สามารถผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ต่างๆได้ดีทัดเทียมกับยักษ์ใหญ่ในวงการจากชาติอื่นๆก็ตาม
เรียบเรียงจาก
Huawei denies foreign network hack reports
จีนนั้น ถือเป็นชาติมหาอำนาจจากเอเชีย ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ภายใต้การนำของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จนก้าวขึ้นมาท้าทายยักษ์ใหญ่จากฝั่งตะวันตกอย่างสหรัฐได้อย่างในปัจจุบัน
จีนมีดีอะไรไปหาคำตอบกันได้ ในคลิปนี้ “เมื่อมังกรผงาด มหาอำนาจนวัตกรรม”
AHEAD.ASIA คือสำนักข่าวเจาะลึกด้านนวัตกรรม และธุรกิจ
อย่าลืมกดติดตามเพจและคอมมูนิตี้ของเรา สำหรับเรื่องล้ำๆ และข่าวสารกิจกรรมต่างๆ
เพื่อเราจะได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน