ปัญญาประดิษฐ์

4 เทรนด์ปัญญาประดิษฐ์ ที่จะมาในปี 2019

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คือหนึ่งในเทคโนโลยีสุดฮอตของยุคนี้ ที่ไม่ถูกจำกัดการใช้งานแค่ในกลุ่มยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook, Google หรือ Alibaba อีกต่อไป

การผลักดัน ปัญญาประดิษฐ์ ให้เป็นโอเพนซอร์ส โดยหลายๆองค์กร อาทิ TensorFlow ของ Google ไม่ใช่เพียงแค่ขยายขอบเขตการใช้งานเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเร่งให้เทคโนโลยีเหล่านี้โตเร็วขึ้นอีกด้วย

ทุกวันนี้ เราจะเห็นแล้วว่า AI ทำงานเฉพาะด้านอย่างการตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูล, แปลภาษา ตอบคำถามลูกค้า หรือแม้แต่ขับรถ

ไปดูกันว่าในปี 2019 ที่กำลังจะมาถึง คนในวงการที่คลุกคลีกับ ปัญญาประดิษฐ์ โดยตรง มองว่าเทรนด์ไหนกำลังมา

 

#1

เวอร์ชวล เอเจนท์

ซานติ ซูโบตอฟสกี หุ้นส่วนของกองทุน VC Emergence กล่าวว่า จากแชทบอทที่เป็นการพิมพ์โต้ตอบบทสนทนากับลูกค้าที่เป็นของปกติในปัจจุบัน

ในปี 2019 การสื่อสารระหว่างองค์กรกับผู้บริโภคจะถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเสียงและวิดีโอแทน

นอกจาก speech recognition (การจดจำเสียงและคำพูด) ที่เริ่มใช้กันแพร่หลายแล้ว AI จะพัฒนาไปสู่การแคปภาพและวิเคราะห์คำพูดและภาษากายของอีกฝ่าย และตอบกลับด้วยข้อมูลที่จำเป็น ในรูปแบบที่เรียกว่า เวอร์ชวล เอเจนท์ (virtual agent)

AVA หรือ Autodesk Virtual Agent คือ เวอร์ชวล เอเจนท์ รุ่นแรกๆที่มีการเปิดตัวไปแล้ว เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ และคาดว่า บริษัทอย่าง Amazon, Apple, Artificial Solutions, Assist AI, Creative Virtual, Google, IBM, IPsoft, Microsoft และ Satisfi ก็จะทยอยเปิดตัว เวอร์ชวล เอเจนท์ ของตัวเองตามมา

“แอพพลิเคชั่นใหม่ๆจะโยกการสื่อสารเชิงธุรกิจจากข้อความ มาเป็นการโต้ตอบแบบเห็นภาพและฟังเสียงในลักษณะของวิดีโอแทน”

 

#2

สมาร์ทฟีเจอร์ ยกระดับการประชุมออนไลน์

โอเดด กัล ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Zoom Video Communications ผู้ให้บริการด้านวิดีโอคอล และการสัมมนาออนไลน์ เชื่อว่าการประชุมกันแบบวิดีโอคอล จะเป็นมาตรฐานต่อไปของทุกองค์กร

และด้วยพลังของ AI จะให้ประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิม

“ตัวอย่างง่ายๆคือ ฟีเจอร์ที่เปลี่ยนเสียงพูดให้เป็นตัวอักษร (natural language generation) จะถูกนำมาใช้แทนบันทึกการประชุม หรือผู้ช่วยอัจฉริยะที่จะจัดเรียงตารางการประชุมให้กับผู้บริหารแทนเลขา ทั้งหมดนี้ทำได้โดย AI ขอเพียงคุณมีรายละเอียดต่างๆให้มัน”

 

#3

ซีเอโอ (Chief Analytics Officer) และ ซีดีโอ (Chief Data Officer) จะเป็นตำแหน่งสุดฮอต

แคนเดซ วอร์ลีย์ ซีทีเอส (Chief Technical Strategist) ของ McAfee บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาโปรแกรมแอนตี้ไวรัส มองว่าแม้ AI จะเริ่มถูกนำมาใช้มากขึ้น แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาและปรับปรุงอีกหลายจุด ทั้งในเชิงกฎหมาย ศีลธรรม หรือวัฒนธรรม

“ยังมีตัวอย่างของกรณีที่ AI แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่นอคติเรื่องเชื้อชาติ หรือการรับสารที่ผิดพลาดมาใช้ในการวิเคราะห์”

งานของ ซีทีเอส และ ซีดีโอ คือการสอน พัฒนา และป้องกันการแฮ็ค เพื่อให้ AI นอกจากจะทำงานได้แล้ว ยังมีคุณสมบัติบางอย่างใกล้เคียงกับมนุษย์ ซึ่งจำเป็นสำหรับการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย

หนึ่งในตัวเลขที่น่าสนใจ คือ ย้อนไปตั้งแต่ปี 2015 องค์กรและหน่วยงานรัฐต่างๆ มี ซีดีโอ ประจำอยู่ไม่ต่ำกว่า 45% และ 64% ขององค์กรที่มีผลประกอบการเชิงบวก ก็มีแนวโน้มที่จะแต่งตั้งคนเข้ารับตำแหน่งนี้

 

#4

ที่ปรึกษาสุขภาพคนใหม่

นิค คาลด์เวลล์ ซีพีโอ (Chief Product Officer) ของ Looker ผู้ให้บริการด้านดาต้า อนาไลติกส์ เชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์จะให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพ หรือวินิจฉัยอาการป่วย ในระดับที่เชื่อถือได้ พอๆกับการพบแพทย์

“คุณรับฟังคำแนะนำจากหมอ เพราะเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ถ้างั้นทำไม เราถึงจะไม่เชื่อการวินิจฉัยของ AI ล่ะ? สถิติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา AI เริ่มจะแซงหน้ามนุษย์เราไปแล้ว ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่เราจะต้องรับฟังสิ่งที่มันบอกเราซะที โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจกระบวนการทำงานของมันด้วยซ้ำ”

 

AHEAD TAKEAWAY

การนำ AI มาใช้เพื่อช่วยลดขั้นตอนหรือภาระในการทำงานต่างๆ จะเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ

หนึ่งในตัวอย่างที่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิดคือการยกระดับบริการด้าน healthcare

ข้อมูลจาก Philips พบว่าปัจจุบันการให้บริการของศูนย์การแพทย์หรือโรงพยาบาลต่อคนไข้หนึ่งคน อาจกินเวลาเฉลี่ย 36 นาที แต่ในจำนวนนี้ 29 นาที ไปกระจุกอยู่ที่ขั้นตอนการค้นข้อมูลผู้ป่วย และการตรวจสอบเอกสารต่างๆ

นั่นหมายความว่าคนไข้ต้องรอเกือบครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เพื่อพบแพทย์ ซึ่งเป็นเรื่องเสียทั้งเงินทองและเวลา

การโยนงานด้านข้อมูลเหล่านั้นให้กับ AI ซึ่งทำหน้าที่อ่านและแยกข้อมูลได้ดีและเร็วกว่ามนุษย์ จะช่วยลดภาระทั้งของแพทย์รวมถึงตัวผู้ป่วยได้ ราวๆครึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อย

หรือจากตัวอย่างอื่นๆที่ถูกยกมา องค์กรก็อาจโยกคนที่ทำหน้าที่ธุรการพื้นฐาน (เช่นการจดรายงานการประชุม นัดหมายต่างๆ) ไปทำในสิ่งอื่นที่ซับซ้อนกว่าแทน

นั่นหมายความว่าต่อให้มีการถูกแทนที่โดยเครื่องจักร และ AI (อ่านเพิ่มเติมได้ใน 40 อาชีพ เตรียมว่างงานในอนาคต)

แต่มนุษย์เราก็ยังสามารถ “ไปต่อได้” ด้วยการพัฒนาตัวเองไปสู่รูปแบบอื่นๆที่สร้างสรรค์กว่าอยู่ดี หากเราเปิดกว้างที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพร้อมปรับตัวตามการหมุนของโลกใบนี้

 

เรียบเรียงจาก
What To Expect For AI (Artificial Intelligence) In 2019

Here Are 10 AI Technologies That Will Dominate In 2019

How Lyft, Walmart, and Philips are Using AI to Transform Their Businesses

Does Your Company Need A Chief Data Officer?

 

AHEAD.ASIA คือสำนักข่าวเจาะลึกด้านนวัตกรรม และธุรกิจ
อย่าลืมกดติดตามเพจและคอมมูนิตี้ของเรา สำหรับเรื่องล้ำๆ และข่าวสารกิจกรรมต่างๆ
เพื่อเราจะได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน

Subscribe to Our Newsletter

Loading
Total
0
Shares
Previous Article
เชอรีล แซนด์เบิร์ก

นักวิเคราะห์ฟันธง Facebook ไม่ดีขึ้น แม้เด้ง เชอรีล แซนด์เบิร์ก

Next Article
Bitcoin

รัฐโอไฮโอไม่หวั่นสภาพตลาดคริปโต พร้อมเปิดชำระภาษีด้วย Bitcoin

Related Posts