เขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น ประเทศจีน ล้ำหน้ามหานครยักษ์ใหญ่ทั่วโลก หลังจัดการปรับระบบบริการขนส่ง ให้ใช้ แท็กซี่พลังไฟฟ้า ทั้งระบบ โดยปัจจุบันครอบคลุมจำนวน 99% ของแท็กซี่ทั้งหมด 21,689 คันแล้ว
จีน นับเป็นหนึ่งในชาติที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพื่อสร้างคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมภายในเมือง โดย เซินเจิ้น ที่มีประชากร 12.5 ล้านคน นับเป็นเมืองที่ 2 ที่มีการปรับระบบขนส่งครั้งใหญ่ได้สำเร็จ หลังจากเมื่อปีก่อนยังมีแท็กซี่ที่ใช้น้ำมันเบนซินถึง 7,500 คันบนถนน ถัดจาก ไท่หยวน ทางตอนเหนือของจีน ซึ่งเริ่มต้นใช้ แท็กซี่พลังไฟฟ้า เพียงอย่างเดียวมาตั้งแต่ปี 2016
นอกจากจุดเด่นเรื่องพลังงานสะอาดแล้ว แท็กซี่พลังไฟฟ้า ในเซินเจิ้น ยังมีการติดตั้งกระดานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เอาไว้ เพื่อแจ้งให้คนขับทราบว่าผู้ต้องการเรียกรถแท็กซี่ เช่นที่ สนามบิน, สถานีรถไฟ หรือสถานที่อื่นๆ
นอกจากนี้ ยังแสดงค่าโดยสาร และเส้นทางของรถแท็กซี่อย่างชัดเจน ซึ่งคณะกรรมการขนส่งระบุว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่ขับอ้อมหรือเรียกค่าโดยสารแพงเกินความจริง
จากข้อมูลของคณะกรรมการขนส่งเซินเจิ้น ระบุว่า บริการรถบัสในเมือง ก็เพิ่งถูกปรับเปลี่ยนให้ใช้พลังไฟฟ้าเริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว นับเป็นหนึ่งใน 13 เมืองนำร่องที่ส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะพลังงานทางเลือก และร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือกไปด้วยกัน
ส่วนในปักกิ่งและเมืองอื่นๆ มีการให้บริการสกูตเตอร์ไฟฟ้า, จักรยาน และยานพาหนะขนส่งแบบสามล้อ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แม้จะมีปัญหาบ้าง เพราะรถ EV นั้น เครื่องยนต์เดินเงียบต่างจากรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง จนคนเดินเท้าอาจไม่ทันระวังตัว หากไม่เงยหน้ามองถนน
คณะกรรมการขนส่งเซินเจิ้น ระบุว่ารถแท็กซี่ไฟฟ้ากว่า 20,000 คัน จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ประมาณ 850,000 ตันต่อปี อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังไม่ได้รวมถึงรถทั่วไปที่ให้บริการ ride-hailing หรือ ride-sharing อย่าง Didi Chuxing ซึ่งเป็นที่นิยมในประเทศจีน
AHEAD TAKEAWAY
ในขณะที่ชาวไทยบางกลุ่มยังยึดติดกับภาพเดิมๆของ เซินเจิ้น ว่าเป็นแหล่งผลิตและขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ จนนำชื่อเมืองไปใช้ในเชิงล้อเลียนหรือประชดประชัน
แต่ในความเป็นจริง ปัจจุบัน เขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้ ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีล้ำยุค ระดับเดียวกับ ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้ หรือแม้กระทั่งบางรัฐในสหรัฐอเมริกา
ซุย ตงชู เลขาธิการสมาคมรถยนต์โดยสารจีน ถือโอกาสคุยข่มว่า ณ ตอนนี้ เซินเจิ้น “ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในบรรดาเมืองใหญ่ของจีนแล้ว” ในขณะที่รัฐบาลจีนก็มุ่งมั่นในการทำให้เซินเจิ้นกลายเป็น “Silicon Valley of Asia”
เซินเจิ้น ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อสู่เกาะฮ่องกงนั้น ยังเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Huawei Technologies และบริษัทเทคโนโลยีจีนรายอื่นๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม การปรับระบบให้แท็กซี่เป็นรถ EV ทั้งระบบ ก็ยังมีอุปสรรคอยู่บ้างตรงที่การจัดหาสถานที่สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ เมื่อทางการต้องใช้เงินลงทุนอย่างมหาศาลในการสร้างสถานีชาร์จแบต
แต่ ณ ตอนนี้ก็สามารถสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จสาธารณะไว้ได้ประมาณ 20,000 แห่งแล้ว ซึ่ง ซุย ตงชู เชื่อว่าน่าจะเพียงพอสำหรับความต้องการ
เรียบเรียงจาก
GIVING UP GAS: CHINA’S SHENZHEN SWITCHES TO ELECTRIC TAXIS
Giving up gas: China’s Shenzhen switches to electric taxis
AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า