เอลิซาเบธ วอร์เรน

Facebook เกเร ถอดโฆษณาผู้สมัคร ปธน. ชูนโยบายลดอำนาจยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี

Facebook ออกลูกเกเร ถอดแคมเปญโฆษณาของ เอลิซาเบธ วอร์เรน แคนดิเดทชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของพรรคเดโมแครท ที่มีนโยบายลดบทบาทบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่สายเทคโนโลยี โดยให้เหตุผลว่าโฆษณาของวุฒิสมาชิกรายนี้ผิดกฎ เพราะนำโลโก้ของบริษัทไปใช้ ก่อนถูกกระแสตีกลับ จนต้องยอมนำโฆษณาดังกล่าวกลับมาในที่สุด

วอร์เรน ซึ่งโพสต์บล็อกนำเสนอร่างนโยบาย #BreakUpBigTech โดยพุ่งเป้าไปที่การลดอำนาจของบริษัทเทคฯชั้นนำของซิลิคอน วัลลีย์ อาทิ Google, Facebook, Amazon เพื่อให้เกิดการแข่งขันในตลาดมากขึ้น

เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทเหล่านี้ใช้ความได้เปรียบที่มี บีบคู่แข่งที่ขนาดเล็กกว่าด้วยการเข้าเทกโอเวอร์ หรือใช้กลยุทธ์กดดันจนอีกฝ่ายพ้นจากตลาด ส่งผลให้ไม่เกิดการแข่งขัน และขาดการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่ง วอร์เรน เล็งเห็นว่าเป็นการอาศัยช่องว่างของกฎหมายต้านการผูกขาดที่ล้าสมัย

ผู้แทนอังกฤษเปิดบันทึกอีเมลผู้บริหาร Facebook แฉกลยุทธ์บีบคู่แข่ง หากินข้อมูลผู้บริโภค

แต่หลังจากนั้นไม่นาน คริสเตียโน่ ลิม่า ผู้สื่อข่าวของ POLITICO ก็ทวีตรายงานว่า Facebook สั่งถอดโฆษณาของ วอร์เรน เฉพาะที่พาดพิงถึง Facebook ออกจากแพลตฟอร์ม โดยที่โพสต์อื่นๆ ซึ่งไม่ได้พูดถึงบริษัทฯยังอยู่ครบถ้วน จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ว่าเป็นการตอบโต้จากโซเชียลเน็ตเวิร์คยักษ์ใหญ่

ด้านโฆษกของ Facebook ก็ชี้แจงว่าเหตุผลที่โฆษณาดังกล่าวถูกถอดนั้น เพราะมีการนำโลโก้บริษัทฯไปใช้ ซึ่งถือว่าผิดกฎ แต่ได้ตัดสินใจที่จะดึงโฆษณาปัญหากลับมา เพื่อเปิดให้ทุกฝ่ายมีโอกาสนำเสนอมุมมองของตัวเอง

ด้าน วอร์เรน ถือโอกาสนี้ทวีตตั้งคำถามถึงอำนาจในมือที่มากเกินไปของ Facebook ในการสั่งถอดโฆษณาหรือข้อความใดๆซึ่งขัดแย้งต่อภาพลักษณ์ของบริษัท

“ขอบคุณที่ดึงโพสต์ของฉันกลับมา แต่ฉันยังอยากได้โซเชียลมีเดีย และมาร์เก็ตเพลสที่ไม่ถูกผูกขาดหรือควบคุมโดยคนกลุ่มเดียวอยู่ดี”

AHEAD TAKEAWAY

นโยบาย #BreakUpBigTech ของ วอร์เรน เป็นที่พูดถึงมากในรอบ 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังวุฒิสมาชิกรายนี้ นำเสนอข้อมูลต่างๆมาสนับสนุนแนวคิดที่ว่าบริษัทเหล่านี้ กำลังมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ และสังคม

เห็นได้จากตัวเลขการทำธุรกรรมเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซกว่าครึ่ง ที่เกิดขึ้นบน Amazon หรือการที่ Google กับ Facebook ถือครองส่วนแบ่งตลาดโฆษณาออนไลน์ไว้เกือบทั้งหมด ไปจนถึงการสร้างมาร์เก็ตเพลสของตัวเองให้ผู้เล่นรายย่อยทำการซื้อขาย ก่อนตลบหลังด้วยการส่งผลิตภัณฑ์ของตัวเองมาแข่งขันในพื้นที่ที่ได้เปรียบกว่า

Amazon พร้อมรุก แบ่งเค้กโฆษณาออนไลน์จาก Google + Facebook

วอร์เรน เปรียบเทียบกรณีของบริษัทเหล่านี้กับ Microsoft ในทศวรรษที่ 90 ซึ่งบีบจน Netscape ต้องพ้นจากตลาดไป แต่ความล้าหลังของกฎหมายทำให้หน่วยงานรัฐไม่สามารถเอาผิดบริษัทเหล่านี้ได้ในลักษณะเดียวกับที่ Microsoft ได้รับ

https://ahead.asia/2017/11/16/%E0%B9%8Cnavigator-vs-explorer/

ทางออกที่ วอร์เรน นำเสนอคือต้องแยกธุรกิจของบริษัทเหล่านี้ออกจากกัน เช่น Amazon ที่มีสถานะเป็นมาร์เก็ตเพลส จะไม่สามารถส่งผลิตภัณฑ์ของตัวเองลงมาแข่งกับผู้เล่นอื่นๆในตลาดที่ตั้งขึ้นเองได้

รวมถึงการตรวจสอบการเทกโอเวอร์บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ว่าที่จริงแล้วขัดต่อกฎหมายผูกขาดการค้าหรือไม่

เช่น ผู้บริโภคไม่ต้องการใช้ Facebook จึงเลือกไปใช้ Instagram แต่รายรับที่เกิดขึ้น ก็ยังเป็นของ Facebook อยู่ดี เพราะ IG ปัจจุบันถือเป็นบริษัทในเครือ ฯลฯ

หลังฉาก Instagram : เมื่อสองผู้ก่อตั้งหัก Zuckerberg

ในแง่หนึ่ง นโยบายนี้อาจไม่ถูกพูดถึงมากขนาดนี้ก็ได้ หาก Facebook เลือกที่จะปล่อยให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ตามปกติ

เพราะการเลือกถอดโฆษณาของวุฒิสมาชิกรายนี้ออก กลายเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดการตั้งคำถามถึง “อำนาจที่ไม่มีขอบเขต” ของ Facebook ขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทันที

แม้โฆษกของบริษัทฯ จะแก้ต่างว่าเป็นเพราะขัดต่อกฎการนำโลโก้บริษัทฯไปใช้ และดึงโฆษณาตัวนั้นกลับมา แต่ก็ไม่น่าจะช่วยให้ภาพขององค์กรดีขึ้นนัก

เพราะในความเป็นจริง โฆษณาตัวดังกล่าวของ วอร์เรน มีเพียงข้อความ แต่ไม่มีโลโก้ใดๆของทั้งสามบริษัท (Amazon, Alphabet และ Facebook) อยู่เลย

การด่วนตัดสินใจถอดโฆษณาตัวดังกล่าวออกแบบไม่มีเหตุผลสมควรรองรับ จึงเท่ากับเป็นการขยี้ประเด็นให้กับ วอร์เรน ด้วยตัวเอง โดยที่วุฒิสมาชิกรายนี้แทบไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น

สามารถอ่านร่างนโยบายของ วอร์เรน แบบเต็มๆในบล็อกของเธอได้ ที่นี่

Here’s how we can break up Big Tech

ที่มา
Facebook backtracks after removing Warren ads calling for Facebook breakup

Facebook’s ad team shoots itself in the foot by pulling Elizabeth Warren campaign ads

Facebook restores Elizabeth Warren’s ads calling for breaking up Big Tech

Sen. Elizabeth Warren Wants To Force Google To Divest Its Ad Platforms

อ่านเพิ่มเติม

ฝรั่งเศสประเดิม ปรับ Google 1.8 พันล้าน ละเมิดกฎคุ้มครองข้อมูลผู้บริโภค GDPR

Amazon.com บล็อกนักช้อปออสซี่ หลังรัฐตั้งกำแพงภาษี

เผย Facebook เตรียมรวม WhatsApp, IG และ Messenger เป็นแพลตฟอร์มเดียว ภายในปี 2020

AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า

Subscribe to Our Newsletter

Loading
Total
14
Shares
Previous Article
The Boring Company

ลาสเวกัสพิจารณาจ้าง Boring Company วางระบบสัญจรใต้ดิน

Next Article
AR glasses

Apple อาจเปิดตัวแว่นอัจฉริยะ AR Glasses เป็นอุปกรณ์เสริม iPhone ปลายปีนี้

Related Posts