ก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฟุตบอลสโมสรถ้วยใหญ่ที่สุดของยุโรป ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ที่กรุงมาดริด ช่วงดึกคืนวันเสาร์นี้ Hotels.com ในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของทีมไก่เดือยทอง เผยผลสำรวจ ที่มีข้อมูลน่าสนใจ เกี่ยวกับเทรนด์การท่องเที่ยวเพื่อกีฬาฟุตบอล ว่า แฟนบอลไทย ยอมแลกหรือพลาดอะไรไปบ้าง ถ้าได้ไปชมเกมสำคัญแบบสดๆ ติดขอบสนาม
ดูบอลก่อน สังสรรค์ทีหลัง
ตัวเลขที่น่าสนใจ คือ 41% ของชาวไทย ยอมงดดื่มสังสรรค์ตลอดทั้งเดือน แลกกับการได้ไปชมแมทช์ฟุตบอลติดขอบสนาม ส่วนการยอมงดของหวานในเวลาเท่ากัน ก็มีถึง 30%
ส่วนตัวเลขสถิติอื่นๆที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก็คือ
· 20% ของแฟนบอลชาย รับว่าอาจไม่อยู่ในวันที่ภรรยาคลอด ถ้ามีโอกาสได้ไปชมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ถึงขอบสนาม 17% พร้อมพลาดวันฉลองครบรอบแต่งงาน และอีก 9% ยอมไม่ไปฮันนีมูน ถ้าตารางเดินทางตรงกัน
· กว่า 20% ของแฟนบอลชาวไทย รับว่าเคยพลาดงานวันเกิดคนรู้จัก เพื่อไปชมแมทช์ฟุตบอล และอีก 12% เลือกฟุตบอลมากกว่างานแต่งงาน และงานศพ
ผู้หญิงบ้าบอล
แฟนบอลหญิงชาวไทยหลายราย ก็จริงจังกับกีฬาฟุตบอลไม่แพ้กัน
เห็นได้จากตัวเลข 28% ยอมรับว่าเคยโดดงานไปดูฟุตบอลมาแล้ว ส่วนแฟนบอลชายมีเพียง 24% เท่านั้นที่ทำแบบเดียวกัน
และ 60% ของแฟนบอลผู้หญิงที่ตอบแบบสำรวจ พร้อมเลือกการดูบอลมากกว่าจะไปปาร์ตี้กับเพื่อนสาว
ส่วน 23% ขอเลือกไปดูบอลมากกว่าฉลองวันครบรอบในโอกาสต่างๆกับแฟนหนุ่ม
นอกบ้านก็ไม่หวั่น
ผลสำรวจพบว่า เมื่อถึงเวลาต้องเดินทางไปเชียร์ทีมรัก แฟนบอลไทย ไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายหรือเวลา
64% ของแฟนบอลเพศชาย ยอมเดินทางนานกว่า 2 ชั่วโมง ซี่งกลุ่มนี้เฉลี่ยไปดูฟุตบอลนัดเยือน ราวๆฤดูกาลละ 5 นัด ส่วน 12% ของแฟนบอลมิลเลนเนียลไปดูเกมที่สนาม ทั้งนัดเหย้าและเยือนรวมแล้ว 7-10 เกมต่อหนึ่งฤดูกาล
อดัม เจย์ ประธานบริษัท Hotels.com สรุปว่า “ความหลงใหลในฟุตบอลของแฟนบอลชาวไทยนั้นน่าทึ่งมาก หลายคนถึงกับยอมพลาดวันฉลองครบรอบหรือไม่ไปงานแต่งงานคนรู้จัก แสดงว่าพวกเขารักทีมมากๆ และยินดีจะตามทีมรักไปทุกที่ที่มีการแข่งขัน”
“เราขอร่วมเป็นส่วนนึงที่สนับสนุนแฟนๆฟุตบอลเหล่านี้ ด้วยโปรแกรม Hotels.com Rewards™ ให้พวกคุณไปตามทีมรักในที่ต่างๆ ได้ โดยจะได้สิทธิ์เข้าพักฟรีเพิ่มอีก 1 คืนหากสะสมได้ครบ 10 คืน”
AHEAD TAKEAWAY
นอกจากเกมในสนามแล้ว ผลสำรวจครั้งนี้ ยังพบว่าปัจจุบัน การได้ใกล้ชิดกับผู้เล่นคนโปรด ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้แฟนบอลอยากเดินทางไปชมเกมที่สนามด้วย โดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสของ ยูเวนตุส คือเซเลบอันดับหนึ่งที่แฟนบอลอยากใกล้ชิดมากที่สุด คือ 17% รองลงมาคือ เดวิด เบ็คแฮม อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ ที่ 15%
และเมื่อถามว่าอยากเดินทางไปเที่ยวกับนักฟุตบอลคนไหนมากที่สุด โรนัลโด้ ก็ยังมาเป็นอันดับหนึ่ง ร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ จากบาร์เซโลน่า
นอกจากนี้ จะเห็นว่าธุรกิจฟุตบอลนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและที่พักไปแล้ว โดยแฟนบอลกว่า 50% ระบุว่าสถานที่พักซึ่งใกล้กับสนามแข่งขันมากที่สุด นั้นมีความสำคัญมาก และหลายรายพร้อมจ่าย ต่อให้เป็นที่พักระดับห้าดาวก็ตาม
ปัจจัยถัดมา ที่จะทำให้เลือกคือ อาหารเช้าฟรี (35%) ใกล้กับศูนย์กลางของเมือง (34%) และสามารถเช็คอินได้ตลอด 24 ชั่วโมง (31%)
นอกจากนี้ แฟนบอลจำนวนมาก ยังมองว่าเป็นโอกาสที่จะได้เดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ใหม่ๆ โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 62% ระบุว่านอกจากสนามฟุตบอลแล้ว ยังเดินทางไปชมสถานที่สำคัญๆในบริเวณนั้นด้วย ส่วนรองลงมาคือการช้อปปิ้ง คือราว 50% ตามด้วยอาหาร 46% ซึ่งในกลุ่มหลังมีถึง 39% นิยมอาหารท้องถิ่นหรือสตรีทฟู้ดมากกว่า
ปัจจุบัน ในประเทศไทย ก็มีความตื่นตัวเรื่องการท่องเที่ยวเชิงกีฬามากขึ้น จะเห็นได้จากการจัดแข่งขันกีฬากลุ่มเอนดูรานซ์ (วิ่ง จักรยาน หรือ ไตรกีฬา) ที่สามารถก่อให้เกิดพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของสมาชิกในครอบครัว และเป็นช่องทางใหม่ในการทำธุรกิจของออร์แกไนเซอร์ต่างๆ ขณะเดียวกัน ก็มีส่วนช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจในท้องถิ่นนั้นๆ เติบโตขึ้นไปพร้อมกัน (อ่านมุมมองเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยเพิ่มเติมได้ที่ 10 เทรนด์การท่องเที่ยวไทย)
หรืออีกอย่างที่น่าสนใจ คือกรณีศึกษาของ บุรีรัมย์ ที่เริ่มเติบโตจากกีฬาฟุตบอล และต่อยอดมาสู่มอเตอร์สปอร์ต จนนำไปสู่แนวทางการพัฒนาจังหวัด ทั้งที่ไม่มีทรัพยากรจำกัด อย่างที่เรียกกันว่า “บุรีรัมย์ โมเดล” นั่นเอง
*หมายเหตุ เป็นข้อมูลจาก Destination: Football แบบสำรวจจากกลุ่มเอ็กซ์พีเดีย (Expedia Group) เกี่ยวกับเทรนด์ของการท่องเที่ยวเพื่อกีฬาฟุตบอล โดยเก็บผลสำรวจจากแฟนฟุตบอล 16,500 คนรอบโลก ระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ – 25 มีนาคม 2562 รวมถึงแฟนบอล 500 คนจากประเทศไทย
*ขอบคุณภาพ ชนาธิป สรงกระสินธ์ จาก Instagram @jaychanathip
AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า