สำนักข่าว Bloomberg เผย After You ร้านขนมหวานยอดฮิตของไทย คือหุ้นในกลุ่มภัตตาคารและร้านอาหารที่เติบโตแรงสุดในปี 2562 ที่ 186% ทิ้งห่าง Haidilao เชนภัตตาคารหม้อไฟยักษ์ใหญ่จากจีน กว่าเท่าตัว
ราคาหุ้นของ After You ซึ่งเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เมื่อปี 2559 เคยขยับจากราคา IPO ที่ 4.50 บาท ไปถึงระดับ 15 บาท ในเวลาเพียงสองวัน แต่ก็เคยตกลงไปต่ำสุดถึง 5.50 บาท เมื่อเดือนธันวาคมปี 2561
แต่นับจากนั้นมา ราคาหุ้นของร้านฯ ก็ค่อยๆไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมาอยู่ที่ 17.30 บาท เมื่อช่วงปิดตลาดวันที่ 24 กรกฎาคม นับเป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตดีที่สุดในกลุ่มภัตตาคารทั่วโลก นับแต่เริ่มปี 2562 เป็นต้นมา คือ 186% (นับเฉพาะที่มีมูลค่าทางการตลาดอย่างน้อย 300 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ 1 มกราคมถึง 23 กรกฎาคม)
หุ้นในกลุ่มนี้ที่มีการเติบโตเป็นอันดับสอง ได้แก่ Haidilao ร้านหม้อไฟหม่าล่าจากจีน ซึ่งเพิ่งทำ IPO เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยราคาหุ้นของ Haidilao เมื่อ 31 ธันวาคม 2561 อยู่ที่ 17.16 ดอลลาร์ฮ่องกง มาอยู่ที่ 32 ดอลลาร์ฮ่องกง เมื่อปิดตลาดวันที่ 24 กรกฎาคม คิดเป็น 87% ส่วนอันดับสามได้แก่ Chipotle Mexican Grill ร้านเม็กซิกันฟาสต์ฟู้ดจากสหรัฐฯ ที่เติบโตในอัตรา 71%
ขณะที่ Starbucks แบรนด์กาแฟยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ นั้นอยู่ในอันดับ 4 เติบโตที่ 40% และ McDonald’s ในอันดับ 7 ที่ 21%
อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับธุรกิจฟู้ดรีเทล:
Starbucks เทงบปั้นสตาร์ทอัพสายรีเทล/ฟู้ดเทค
McDonald’s เผยตู้บริการตนเองทำลูกค้าเปย์หนักกว่าเดิม
AHEAD TAKEAWAY
ในบทวิเคราะห์ของ Bloomberg พบว่าปัจจุบัน ร้านกาแฟและร้านขนมหวานยังเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงในไทย ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของเมืองและชนชั้นกลางในประเทศ
ขณะที่ผู้เล่นรายใหญ่อย่างกลุ่มซีพี ไมเนอร์ หรือแม้แต่ ไทยเบฟ และบุญรอดฯ ก็ขยายจากธุรกิจเครื่องดื่มมาลงทุนกับธุรกิจรีเทล โดยเฉพาะร้านอาหารมากขึ้นเช่นกัน
เฉพาะในรายของ After You ก็มีการเปิดตัวสาขาใหม่เพิ่มถึง 10 แห่งในช่วงสองไตรมาสแรกของปี ในจำนวนนี้มีสี่แห่งที่เปิดนอกกรุงเทพฯ จากกำลังซื้อที่สูงขึ้นของคนในจังหวัดใหญ่ๆ และทางบริษัทฯ ยังมีแผนจะเปิดแฟรนไชส์นอกประเทศสาขาแรกที่ฮ่องกงภายในสิ้นปีนี้ด้วย
ขณะที่ประเทศอื่นๆในอาเซียนก็มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางเดียวกัน เห็นได้จากเชนฟาสต์ฟู้ดตระกูลไก่ทอดอย่าง Jollibee ก็ประกาศเตรียมซื้อกิจการของ Coffee Bean & Tea Leaf เป็นมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการควบรวมกิจการร้านอาหาร ด้วยมูลค่าสูงสุดในแถบอาเซียนด้วย
แนวโน้มดังกล่าว เป็นไปตามตัวเลขที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุไว้ว่าค่าใช้จ่ายในการยังชีพส่วนใหญ่ของครัวเรือน ยังเป็นค่าอาหาร/เครื่องดื่ม/ยาสูบ ถึง 36.1% หรือเกินกว่า 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายรวม
เมื่อเศรษฐกิจของประเทศในแถบอาเซียนเติบโตขึ้น ตัวเลขเหล่านี้ก็มีโอกาสโตขึ้นด้วย
ที่สำคัญ ธุรกิจร้านอาหารก็มีความเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวด้วย เพราะมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ อาหารและเครื่องดื่มก็มีอัตราสูงเป็นอันดับสาม รองจากที่พักและการคมนาคม
แต่การจะทำธุรกิจร้านอาหารเองก็ยังมีองค์ประกอบแยกย่อยหลายอย่างเช่นกัน นอกจากแข่งขันเรื่องรสชาติแล้ว การบริการเองก็มีความสำคัญเช่นกัน
เพราะผู้บริหารของค่ายใหญ่รายหนึ่งเคยกล่าวกับทีมงาน AHEAD ASIA ว่าในธุรกิจรีเทลของกลุ่มร้านอาหารนั้น ความประทับใจของลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญ
หากรสชาติและบริการดีแล้ว ราคาก็ถือเป็นเรื่องรองลงไป
ที่สำคัญ ความประทับใจและไม่ประทับใจ ซึ่งจะถูกส่งต่อผ่าน “โลกโซเชียล” ก็สำคัญเช่นกัน เพราะหากภาพลักษณ์ของร้านที่ถูกสื่อออกไปติดลบ ก็มีโอกาสที่จะดับได้เช่นกัน ในยุคที่รีวิวจากผู้บริโภคในโลกออนไลน์ สำคัญยิ่งกว่าการโฆษณาใดๆด้วยซ้ำ
เรียบเรียงจาก
World’s Best-Performing Restaurant Stock Is a Thai Dessert Shop
AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า
ฟู้ด แฟคเตอร์ : แพสชั่นในอาหารไทย สู่ธุรกิจหลักใหม่ในเครือบุญรอดฯ