RISE สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร เปิดรับสมัครสตาร์ทอัพจากทั่วโลกเข้าร่วมแก้ไขปัญหาทางธุรกิจในโครงการ Global Accelerator Program เน้นโจทย์ทางธุรกิจจริง และเฟ้นหาโซลูชันที่ช่วยแก้ปัญหาได้จริง พร้อมตั้งเป้าเป็น Accelerator Program ที่ดีที่สุดในภูมิภาค
ในงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Global Accelerator Program อย่างเป็นทางการในรูปแบบออนไลน์ เมื่อ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา RISE ได้รับเกียรติจากตัวแทนขององค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน สตาร์ทอัพ และบุคคลทั่วไปกว่า 300 ท่าน เข้าร่วมงานแถลงข่าวในครั้งนี้
3 ใหม่สู่ Accelerator ระดับโลก
“ปีนี้เราตั้งใจชูจุดเด่น “3ใหม่” เพื่อยกระดับโปรแกรมของเราเทียบชั้น Accelerator ระดับโลก
ใหม่แรกคือ อุตสาหกรรมใหม่ ต่อยอดจากที่เราปั้นสตาร์ทอัพ Fintech, AI มาแล้ว ปีนี้เราเพิ่ม Foodtech, Agritech และ Biotech/Healthtech เข้ามาด้วย เพราะเล็งเห็นถึงความต้องการในภาคธุรกิจที่ต้องการทำงานร่วมกับบริษัทระดับโลกจริงๆ นำโซลูชันต่างๆจากสตาร์ทอัพทั่วโลกมาช่วยเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และสร้างสินค้าและบริการใหม่ๆให้กับธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ New Normal หลังวิกฤต
ใหม่ที่สอง คือ โปรแกรมใหม่ ต่อยอดความสำเร็จจากสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการเกิน 70% ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน หรือได้รับเงินลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ ปีนี้ความพิเศษคือ การออกแบบโปรแกรม Hybrid คือมีกิจกรรม Virtual Roadshow ไปในประเทศต่างๆทั่วโลกกว่า 20 ประเทศ และ ในช่วงท้ายของโครงการจะมีกิจกรรมต่างๆที่ทั้งสตาร์ทอัพ องค์กรและนักลงทุนได้พบกันทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถเติบโตฝ่าวิกฤตไปได้
ใหม่สุดท้ายคือ ประเทศใหม่ ต่อยอดจากปีที่ผ่านมา Accelerator ของ RISE เป็นโปรแกรมเดียวในภูมิภาคและในโลกที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานด้านนวัตกรรมของรัฐบาลถึง 3 ประเทศ คือ ประเทศไทยผ่านสำนักงานเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ประเทศสิงคโปร์ผ่าน Enterprise Singapore และประเทศมาเลเซียผ่าน Malaysia Digital Economy Corporation (MDEC)
นั่นหมายถึงสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ในการขยายตลาดไปยังภูมิภาคผ่านความร่วมมือของ RISE ที่มีกับหน่วยงานด้านนวัตกรรมดังกล่าว และที่สำคัญที่สุดคือ โปรแกรมทั้งหมดที่กล่าวมาไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆกับสตาร์ทอัพและองค์กรต่างๆที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกได้ตลอดทั้งปีเพื่อทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพระดับโลก” หมอคิด นายแพทย์ ศุภชัย ปาจริยานนท์ ประธานบริษัทเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง RISE กล่าว
“ในปัจจุบัน เมื่อเราต้องการปรับวิธีการดำเนินงาน ก้าวข้ามขีดจำกัด และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ รวมถึงแก้ปัญหาจากความท้าทายทางธุรกิจต่างๆที่เกิดขึ้น เทคโนโลยีถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยเราแก้ปัญหา และทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้เร็วขึ้น แต่ในบางครั้ง เราต้องการผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความชำนาญ ที่จะมาช่วยเร่งและจัดการแก้ปัญหา เพื่อที่เราจะได้เดินทางไปยังเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้เร็วขึ้น
ตรงนี้เองที่โครงการของ RISE เข้ามาตอบโจทย์ในสิ่งที่เราตามหา และแนะนำเราให้รู้จักกับ สตาร์ทอัพที่มีความเชี่ยวชาญจากรอบโลก”
พณัญญา เจริญสวัสดิ์พงศ์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนานวัตกรรมและธุรกิจ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ปตท.สผ. เสริม บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมโครงการกับ RISE มาตลอดหลายปี
สตาร์ทอัพที่ได้รับคัดเลือก จะได้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นเวลา 12 สัปดาห์ โดยทั้งหมดจะได้รับโอกาสในการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับทีมงานจากองค์กรชื่อดังในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อพัฒนาโซลูชันในการแก้ปัญหาจากโจทย์ทางธุรกิจ ซึ่งนอกจากสตาร์ทอัพจะมีโอกาสในการพัฒนา Proof of Concept หรือ Commercial Agreement ยังอาจได้รับเงินลงทุนจากองค์กร รวมถึงได้พบปะกับ VCs และ CVCs เพิ่มความเป็นไปได้ในการขยายฐานทางธุรกิจไปสู่ประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
หนึ่งในสตาร์ทอัพที่เคยร่วมโครงการกับ RISE คือ FINNOMENA, fintech robo-advisor ซึ่งสามารถระดมทุนกว่า 10 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 320 ล้านบาทจาก Gobi Partners, Openspace Ventures, Krungsri Finnovate และ 500 Startups
“RISE ช่วยแนะนำให้เรารู้จักกับธนาคารกรุงศรี และ Krunsri Finnovate ซึ่งทำให้เราสามารถต่อยอดธุรกิจกับทางธนาคาร และนำมาสู่การได้รับเงินทุน Series A ในเวลาต่อมา หากคุณต้องการโอกาสในการได้ทำความรู้จักและทำงานร่วมกับองค์กรระดับโลก Global Accelerator Program คือโครงการที่คุณพลาดไม่ได้” เจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง FINNOMENA กล่าว
QueQ สตาร์ทอัพชื่อดัง เจ้าของแอปที่ช่วยจัดการระบบรอคิวของร้านค้าจากประเทศไทย ซึ่งเมื่อปีที่แล้วสามารถระดมทุนรวมมูลค่ากว่า 2.9 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 90 กว่าล้านบาท จาก True Corporation และ Google Launchpad Accelerator ก็เป็นหนึ่งในศิษย์เก่าของโครงการจาก RISE เช่นกัน รังสรรค์ พรมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวคิว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“RISE โฟกัสไปที่การนำเสนอและคิดค้นโซลูชันที่นำไปใช้ได้จริง แก้ปัญหาทางธุรกิจที่เกิดขึ้นจริง และช่วยให้สตาร์ทอัพพัฒนาและเติบโตอย่างมั่นคง หากให้เปรียบเทียบ RISE เป็นเหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่รู้จักและเลี้ยงเด็กที่ดูแลเป็นอย่างดี มีสตาร์ทอัพหลายเจ้าเกิดและเติบโตจากที่นี่ คำว่า “ครอบครัว” คงเป็นคำที่เหมาะสมที่สุดที่สำหรับอธิบายความสัมพันธ์ของเรา”
ส่วนหนึ่งของสตาร์ทอัพจากหลากหลายประเทศที่ผ่านโครงการ เช่น BBP – สตาร์ทอัพสาย Energy Tech จากสิงคโปร์ที่ล่าสุดประสบความสำเร็จในการระดมทุน Series B กว่า 45 ล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลล่าร์ หรือประมาณ หนึ่งพันล้านบาท หลังเข้าร่วมโครงการ
Sales Candy – Lead Management Platform จากมาเลเซียได้ลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในประเทศไทยและสามารถระดมทุน Pre-Series A สำเร็จจาก Wavemaker Partners และ Abeja – Platform ปัญญาประดิษฐ์สำหรับองค์กรซึ่งก่อนเข้าโครงการ สามารถระดมทุน Series C และต้องการขยายตลาดมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“เรามุ่งมั่นสร้างผลสำเร็จที่แท้จริงจากการเข้าร่วมโครงการของทั้งองค์กรพันธมิตรและสตาร์ทอัพ เพื่อที่จะผลักดันนวัตกรรมที่สร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ๆ ในแบบที่วัดผลออกมาเป็นตัวเลขได้ เชื่อมโยงกับพันธกิจของเราในการเพิ่ม 1 % ของ GDP ของประเทศไทยและภูมิภาค” หมอคิด ปิดท้าย
Global Accelerator Program เปิดรับสมัครสตาร์ทอัพจากทั่วโลก ตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 มิถุนายน 2563 ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการและสมัครเข้าร่วมที่ gap.riseaccel.com