การสร้างนวัตกรรม

รู้จัก 10 รูปแบบการสร้างนวัตกรรมสำหรับธุรกิจของคุณ

ปีเตอร์ ธีล ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal และเขียนตำรา การสร้างนวัตกรรม อย่าง Zero to One เชื่อว่า ธุรกิจที่ดีนั้น ต้องผูกขาดตลาดของตนไว้แบบเบ็ดเสร็จ

เหมือนที่ทุกคนนึกถึง Google เป็นสิ่งแรก เมื่อพูดถึงเสิร์ชเอ็นจิน หรือ Facebook เป็นเบอร์หนึ่งของโซเชียลมีเดีย

การจะไปให้ถึงจุดที่ ธีล เชื่อ หรืออย่างน้อยเพื่อไม่ให้เกิดตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ธุรกิจของคุณ จึงต้องสร้าง “แนวป้องกัน” เพื่อคงความได้เปรียบในตลาดที่ครองอยู่ไว้

และหนึ่งในแนวป้องกันซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าได้ผลแบบยั่งยืน ก็คือ นวัตกรรม

เอ่ยถึงคำว่า นวัตกรรม หลายคนจะต้องคิดว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อน หรือมีความซับซ้อนสูง

แต่ผลการสำรวจนวัตกรรมในประวัติศาสตร์ธุรกิจต่างๆ กว่า 2,000 รูปแบบ โดย Doblin หน่วยงานในเครือ Deloitte ยืนยันว่าแม้แต่อาหารเช้าอย่าง มัฟฟิน ก็นับเป็นนวัตกรรมได้

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น Doblin ได้แบ่งรูปแบบการสร้างนวัตกรรมออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ รวมทั้งสิ้น 10 ประเภท เพื่อเป็นแนวทางให้คุณนำไปใช้ได้ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่วิเคราะห์ตลาด หาข้อดีข้อด้อยในผลิตภัณฑ์ของคุณ ไปจนถึงโอกาสใหม่ๆในการพัฒนาสินค้าสู่ตลาด

Configuration : หลังบ้าน

ในกลุ่มแรกนี้ มีรูปแบบ การสร้างนวัตกรรม ทั้งสิ้น 4 แบบ โดยจะเน้นหนักที่องค์ประกอบของบริษัทเป็นหลัก โดยเฉพาะงานประเภท “หลังบ้าน” ต่างๆ

ความสำคัญของนวัตกรรมในกลุ่มนี้ คือแม้จะไม่ใช่งานที่ต้องพบปะลูกค้า แต่มันยังมีผลโดยตรงต่อประสบการณ์ผู้บริโภค ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากถ้าธุรกิจของคุณต้องการไปต่อ

1) Profit Model : วิธีหาเงินเข้าบริษัท

รายได้และกำไรคือตัวเลขสำคัญที่จะชี้ชะตาของบริษัท และการจะสร้างโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ คุณก็ต้องเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคอย่างถ่องแท้ เพื่อสร้างโอกาสจากสิ่งนั้น

นวัตกรรมประเภทนี้ มักท้าทายวิธีคิดแบบเดิมๆที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย

เหมือนกรณีของ New York Times ที่กลายเป็น case study สำคัญของวงการสื่อ ด้วยการเปลี่ยนวิธีสร้างรายได้แบบดั้งเดิม ที่อาศัยการโฆษณาเป็นหลัก มาเป็นรายได้จากการสมัครสมาชิกสำหรับผู้ที่ต้องการคอนเทนต์คุณภาพ

2) Network : สร้างเครือข่าย เพื่อเพิ่มคุณค่าและมูลค่า

ในยุคที่คนทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้ในโลกไร้พรมแดน การจับมือกับบริษัทอื่นๆ เพื่อดึงศักยภาพสูงสุด หรือความได้เปรียบในการทำธุรกิจออกมา จึงเป็นสิ่งจำเป็น ขณะเดียวกัน ก็ช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาหรือการลงทุนใหม่ๆได้

นอกจากริเริ่มการนำระบบสายพานการผลิตมาใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว เฮนรี ฟอร์ด คือหนึ่งในผู้บุกเบิกการควบคุมซัพพลายเชนจากต้นน้ำถึงปลายน้ำให้กับ Ford ตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นต้นแบบของกลยุทธ์การควบรวมกิจการแนวดิ่งในเวลาต่อมา

3) Structure : บริหารทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

หลายครั้งการจัดวางทรัพยากรและสินทรัพย์ที่ถือครองอยู่แล้วให้ถูกตำแหน่ง หรือผ่านมุมมองใหม่ๆ ก็สามารถสร้างนวัตกรรมหรือคุณค่าใหม่ๆให้เกิดขึ้นได้

Google คือหนึ่งในองค์กรที่ใช้ประโยชน์จากกฎ 20% Project ที่หยิบยืมมาจาก 3M อีกที ภายใต้กฎนี้ บริษัทฯ อนุญาตให้พนักงานใช้เวลาส่วนหนึ่งในการทำงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ประจำ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์สำคัญๆของบริษัทในเวลาต่อมา อย่าง Gmail, AdSense และ Google News

4) Process : สร้างสรรค์ด้วยวิธีเฉพาะตัว

นวัตกรรมในรูปแบบนี้ เกิดขึ้นเมื่อบริษัทเลือกที่จะพลิกวิธีคิดจากรูปแบบเดิมๆที่ทำกันอยู่ทุกวัน ซึ่งหลายครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้กลายเป็นตัวแปรสำคัญให้สามารถฉีกหนีคู่แข่งออกไปได้หลายก้าว เพราะมันเป็น “สูตรลับ” ที่ไม่มีใครเลียนแบบได้

หนึ่งในเคสคลาสสิคของเรื่องนี้ คือ แม็คมัฟฟิน (McMuffin) ของ McDonald’s ซึ่งไม่ได้เกิดจากแผนก R&D แต่มาจากไอเดียของ เฮอร์เบิร์ต พีเตอร์สัน ผู้บริหารจากบริษัทโฆษณาในเครือ และเป็นเจ้าของแฟรนไชส์หกแห่ง

พีเตอร์สัน ดัดแปลงอาหารเช้าอเมริกันอย่าง เอ้ก เบเนดิกต์ เล็กน้อยให้เหมาะกับร้านฟาสต์ฟู้ด จนกลายเป็น แม็คมัฟฟิน เมนูยอดฮิตที่ทำรายได้ให้บริษัทฯถึง 25% จนอาหารเช้ากลายเป็นเซกเมนต์ที่สร้างกำไรให้ McDonald’s มากที่สุดจนถึงปัจจุบัน

Offering : หัวใจหลัก

นวัตกรรมในกลุ่มนี้ จะเน้นหนักไปที่ผลิตภัณฑ์หรือบริการหลักของบริษัท หรือผสมผสานทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน

5) Product Performance : คุณสมบัติเด่น และการใช้งาน

นี่มักเป็นคุณสมบัติแรกๆที่ผู้คนมักนึกถึง เวลาพูดถึงคำว่านวัตกรรม แต่ในมุมกลับกัน นี่ก็เป็นสิ่งที่คู่แข่งทางธุรกิจของคุณลอกเลียนได้ง่าย เหมือนฟีเจอร์ซูมหลายสิบเท่าในสมาร์ทโฟน แรงม้าในรถยนต์ หรือขนแปรงสีฟันนุ่มๆ ฯลฯ ที่จะนำไปสู่การตัดราคา

ยกเว้นว่าผลิตภัณฑ์/บริการของคุณ จะมีบางสิ่งที่โดดเด่นกว่าผู้เล่นรายอื่นๆในธุรกิจเดียวกันจริงๆ เหมือนบริการมิวสิคสตรีมมิ่งของ Spotify ที่ตอบโจทย์ได้ ทั้งในแง่ความเร็ว การตอบสนอง และประสบการณ์ผู้ใช้งาน

6) Product System : การเติมเต็มในผลิตภัณฑ์และบริการ

การจะสร้างระบบที่เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทของบริษัทเข้าด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากคุณภาพของระบบแล้ว การทำให้ผู้บริโภคเกิดความไว้วางใจก็เป็นเรื่องสำคัญ

เหมือนกรณีของ Apple ที่มักถูกพูดถึงในแง่ของการสร้างนวัตกรรมใหม่ แต่ความสำเร็จของบริษัท มาจากระบบที่เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์แต่ละตัวให้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ จนผู้บริโภคเกิดความเคยชิน และไม่คิดจะเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์/บริการของค่ายอื่น

Experience : ประสบการณ์ผู้บริโภค

นี่คือกลุ่มนวัตกรรมสำหรับลูกค้าโดยตรง เพราะขณะที่กลุ่มอื่นๆ เน้นเรื่องความก้าวหน้า นวัตกรรมด้านประสบการณ์ ยังต้องให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นหลัก

7) Service : เพิ่มคุณค่าให้ผลิตภัณฑ์/บริการของคุณ

บริการ คือการทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณเข้าถึงได้ง่าย ใช้งานสะดวก และทำให้ผู้บริโภครู้สึกดี ซึ่งบางครั้งเกิดจากการมองเห็นในสิ่งที่คู่แข่งของคุณมองไม่เห็น และเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้ customer journey ราบรื่นขึ้น และจะเป็นตัวแปรให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการของคุณซ้ำแล้วซ้ำอีก

เหมือนกรณีของ Amazon Prime ที่แม้จะต้องจ่ายเงินเป็นรายปี แต่สิ่งที่สมาชิกจะได้คือความสะดวกในแทบทุกๆด้าน รวมถึงความเร็วในการสั่งซื้อ ที่อาจได้รับสินค้าที่สั่งภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง หากสินค้าตัวนั้นมีอยู่ที่คลังในย่านใกล้เคียง และในอนาคต ตัวเลขดังกล่าว ก็จะลดลงเรื่อยๆ เมื่อ Amazon พัฒนาช่องทางใหม่ๆในการส่งสินค้า (อ่านเพิ่มเติม Amazon เปิดตัวโดรนแห่งอนาคต ส่งของถึงมือลูกค้าใน 30 นาที)

8) Channel : ช่องทางที่ผลิตภัณฑ์/บริการ จะไปถึงผู้บริโภค

การเข้าถึงผู้บริโภคในปัจจุบัน มีหลากหลายรูปแบบตามแต่จะเลือกใช้งาน เพราะแม้อี-คอมเมิร์ซ จะทำให้การซื้อสินค้าออนไลน์สะดวกขึ้น แต่ร้านค้าแบบดั้งเดิมก็ยังมีความสำคัญอยู่ โดยเฉพาะในแง่ประสบการณ์

เหมือน Nespresso ที่สร้างความเชื่อมโยงกับกลุ่มลูกค้าผ่านทาง Nespresso Club นอกเหนือไปจากการขายกาแฟแคปซูลที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักอยู่แล้ว

9) Brand : วางตัวตนให้สินค้า/ผลิตภัณฑ์ของคุณ

ภาพลักษณ์และอัตลักษณ์ของแบรนด์ ก็นับเป็นนวัตกรรมเช่นกัน เพื่อสร้างคุณค่าให้แบรนด์ของคุณ มีความแตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นๆที่มีลักษณะสินค้าใกล้เคียงกัน

เหมือนกรณีของ Patagonia ที่เน้นการสร้างคุณค่าของแบรนด์ ผ่านการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม จนมีความโดดเด่นจากผู้เล่นรายอื่นๆในตลาดอุปกรณ์และเสื้อผ้าเอาท์ดอร์ หรือกรณีของ Nike ที่แม้จะเสียลูกค้าบางกลุ่มไปจากการแสดงจุดยืน แต่ก็ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆมาทดแทน จากการสนับสนุน โคลิน เคเปอร์นิค เรื่องความเท่าเทียมทางสังคม

10) Customer Engagement : เข้าใจและตอบสนองความต้องการลูกค้า

การเข้าใจผู้บริโภคคือหัวใจสำคัญที่จะสร้างความประทับใจให้ และรักษาความเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์ของคุณกับผู้บริโภคให้ยาวนาน

เหมือนกรณีของ Mercedes ที่เปลี่ยนคู่มือการใช้งานแบบเดิมๆ เป็น “Ask Mercedes” แอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี AR แทน เพื่อำนวยความสะดวกในการใช้งาน แทนที่จะต้องเสียเวลาพลิกคู่มือหาข้อมูลที่ต้องการ

อ่านเพิ่มเติม

10 วิธีการสร้างนวัตกรรมง่ายๆ แบบ AHEAD.ASIA

เรียบเรียงจาก

10 types of Innovation: The art of discovering a breakthrough product

Ten Types of Innovation : The Discipline of Building Breakthroughs

AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า

Subscribe to Our Newsletter

Loading
Total
0
Shares
Previous Article
Ant Group

แหล่งข่าวเผย Ant Group ตั้งเป้า IPO ในฮ่องกง ดันมูลค่าทะลุ 6 ล้านล้านบาท

Next Article
ยูวาล โนอา ฮารารี่

มองอนาคตโลกหลังโควิด-19 กับ ยูวาล โนอา ฮารารี่ ผู้เขียน เซเปียนส์

Related Posts