“ฉันก้าวออกมาเปิดเผย
เพราะพบความจริงที่น่ากลัว
ที่คนนอก Facebook ไม่เคยรู้”
คือหนึ่งในประโยคที่ ฟรานเซส ฮอเกน อดีตโปรดักท์ เมเนเจอร์ ของ Facebook กล่าวกับคณะอนุกรรรมการสภาคองเกรส หลังเปิดเผยเอกสารสำคัญ ที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับโซเชียลมีเดียอันดับหนึ่ง
ฟรานเซส ฮอเกน คือใคร?
ฮอเกน คือวิศกรด้านข้อมูลที่อยู่ในแวดวงเทคโนโลยีมานับสิบปี
เคยทำงานให้กับ Google, Yelp และ Pinterest ก่อนย้ายมาร่วมงานกับ Facebook ในปี 2018 เพื่อแก้ไขปัญหาเฟคนิวส์ เฮทสปีช ฯลฯ ก่อนได้รับตำแหน่งโปรดักท์ เมเนเจอร์ ในปีถัดมา
ในเดือนพ.ค. เธอตัดสินใจลาออกเพราะพบข้อมูลสำคัญ ซึ่งขัดกับความเชื่อดังกล่าว
และติดต่อ จอห์น ไท ผู้ก่อตั้ง Whistle Blower Aid สำนักงานทนายความไม่แสวงผลกำไร เพื่อเป็นตัวแทนในการประกาศข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชนโดยไม่เปิดเผยชื่อของเธอ
โดยมี Wall Street Journal ร่วมตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับเอกสารเหล่านั้น ก่อนที่เธอจะตกลงเปิดเผยตัวเป็นครั้งแรกในรายการ 60 Minutes เมื่อ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา
ความลับที่ Facebook ปกปิดไว้
ฮอเกน เข้าให้การในฐานะพยาน ต่อหน้าคณะอนุถกรรมการการพาณิชย์ ว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และความปลอดภัยของข้อมูล เมื่อ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา
หลังจากนำเอกสารภายในของ Facebook ในปี 2018 จำนวนหลายพันหน้า มอบให้แก่ Wall Street Journal SEC (ก.ล.ต. สหรัฐ) และสภาคองเกรส
ใจความสำคัญของเอกสารเหล่านั้น คือ Facebook เคยทำงานวิจัยภายใน พบว่าโปรดักท์อย่าง News Feed มีผลต่อปัญหาสุขภาพจิตของผู้ใช้ มีส่วนปลูกฝังความรุนแรง และกระตุ้นให้นำไปสู่พฤติกรรมสุดขั้ว
แต่สุดท้ายบริษัทฯ เลือกที่จะมองข้ามรายงานชิ้นนั้น
แนวทางควบคุมโซเชียลเบอร์หนึ่ง
นอกจากตอบคำถามคณะอนุกรรมการถึงหลักการทำงานอัลกอริทึมของ Facebook แล้ว
ฮอเกน ยังเสนอให้จัดตั้งหน่วยงานกำกับจากภายนอก ซึ่งมีอำนาจในการขอข้อมูลจาก Facebook โดยเฉพาะการทำงานของอัลกอริทึม และชนิดของเนื้อหาที่แพลตฟอร์มเลือกขยายการเข้าถึงผู้ใช้
เธอเสริมว่าทุกวันนี้ คนที่มีสิทธิ์เข้าถึงและวิเคราะห์การทำงานของ Facebook และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ มีเพียงคนในองค์กรเท่านั้น
การมอบหมายให้อดีตพนักงานที่เคยทำงานในบริษัทเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานกำกับที่จะเข้ามาดูแลจึงเป็นเรื่องจำเป็น
พร้อมกันนี้ เธอยังแนะนำให้สภาคองเกรสให้ความสำคัญกับแนวทางของ Facebook ในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใช้ เพราะยังเป็นประเด็นที่น่ากังวลอยู่
การเปลี่ยนแปลงในอนาคต
เอ็ด มาร์คีย์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวหลัง ฮอเกน ให้การว่าข้อมูลที่ได้รับ ช่วยให้คณะอนุกรรมการเห็นภาพการทำงานของ Facebook ชัดเจนขึ้น รวมถึงผลกระทบของอัลกอริทึมต่อสภาพจิตใจของผู้ใช้งานด้วย
คณะอนุกรรมการให้คำมั่นว่าจะเข้ามาตรวจสอบการทำงานของ Facebook ให้มากขึ้น และอาจมีการเรียกผู้บริหาร Facebook รวมถึงโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เข้ามาให้การเพิ่มเติมในอนาคต
ส่วนสมาชิกวุฒิสภา ริชาร์ด บลูเมนธาล ก็เสริมว่าข้อมูลจาก ฮอเกน จะสร้างความแตกต่างให้เกิดกับการทำงานของฝ่ายกฎหมายได้ ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางใหม่ ๆ ในการกำกับดูแลบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ต่อไป
เรียบเรียงจาก
Facebook’s whistleblower tells Congress how to regulate tech
AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า