Just-iD

คุยกับผู้ก่อตั้ง Just-iD โซลูชั่นรักษาความปลอดภัย แห่งปัจจุบัน (และอนาคต)

ปัญหาของระบบรักษาความปลอดภัยในอาคารที่เราคุ้นเคยกัน คือการที่ผู้มาติดต่อต้องแลกบัตรเพื่อเข้าพื้นที่ และทิ้งบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ไว้กับพนักงานต้อนรับ หรือรปภ.

จนกลายเป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของทั้งสองฝ่าย เพราะฝั่งผู้มาติดต่อ ก็กังวลว่าเอกสารสำคัญอาจสูญหาย หรือไปตกในมือผู้ไม่หวังดี

ส่วนฝ่ายที่ต้องดูแลเอกสารสำคัญ ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะถ้าบัตรเหล่านั้นเสียหายหรือสูญหาย ก็ต้องรับผิดชอบปัญหาที่จะตามมาอีกมากมาย

แต่ระยะหลัง ถ้าใครสังเกตว่าการเข้าไปติดต่อในอาคารใหญ่หลาย ๆ แห่ง เจ้าหน้าที่จะแค่รับบัตรไปสแกนเข้าระบบบันทึกผู้มาติดต่อ และส่งคืนกลับมา

“คือจริง ๆ โดยหลักการ มันก็คือระบบแลกบัตรนั่นละครับ แต่สิ่งที่ทำให้เราแตกต่าง คือมันเป็นการทำงานแบบออนไลน์ 100%”

คือหลักการคุณแป้ง ศรุต คันธวัลย์ จาก โกลบอล ซีเคียวริเทค ผู้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ ภายใต้แบรนด์ Just-iD เล่าให้ทีมงาน AHEAD ASIA ฟัง

บางอย่างที่หายไป

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อน เมื่อคุณแป้ง ซึ่งเปิดบริษัทซอฟต์แวร์เฮาส์ กำลังมองหาไอเดียในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการของตัวเอง
มากกว่าการดูแลระบบจัดการต่าง ๆ ให้ลูกค้า

นำไปสู่การเริ่มพัฒนาเครื่องมือบริหารข้อมูล ในรูปแอปพลิเคชั่น เพื่อแลกเปลี่ยน contact ระหว่างคนในระบบ เหมือนแลกนามบัตร แต่เปลี่ยนจากกระดาษมาเป็นข้อมูลแบบออนไลน์แทน

“ช่วงแรก เราเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นออนไลน์ ไม่ต้องใช้กระดาษ เพราะทุกคนก็มีมือถือกันหมดแล้ว แค่ให้ทุกคนเข้ามาสร้างแอคเคาท์ แล้วใช้แอปที่เรียกว่า Just-iD Namecard ในการรับส่งข้อมูล ฟีดแบ็กก็ดีในระดับหนึ่ง หลายคนก็บอกว่าใช้งานสะดวก แค่มีแอปก็แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้”

แต่เมื่อ Just-iD เริ่มต่อยอดไปสู่ระบบรักษาความปลอดภัย สำหรับเข้าพื้นที่อาคาร

การอยู่ในรูปแอปพลิเคชั่นอย่างเดียว ไม่มีฮาร์ดแวร์รองรับ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยังตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยไม่ได้เต็มที่

 

จิ๊กซอว์จากประสบการณ์จริง

คุณแป้ง ศรุต คันธวัลย์ และ คุณสันต์ คมสันต์ คงนอก 2 ผู้ก่อตั้ง

โจทย์นี้ถูกตีแตก เมื่อคุณแป้งขึ้นไปพิทช์ไอเดียของ Just-iD บนเวทีสตาร์ทอัพงานหนึ่ง และได้พบกับคุณสันต์ (คมสันต์ คงนอก) ซึ่งลงเรียนปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยนานาชาติ สแตมฟอร์ด เช่นกัน

คุณสันต์ ซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจรักษาความปลอดภัยมาพอสมควร ฟังการพิทช์ของคุณแป้ง และมั่นใจว่าเทคโนโลยีนี้ จะช่วยเสริมระบบปัจจุบันให้ดีขึ้นได้

จนเป็นที่มาของการก่อตั้ง โกลบอล ซีเคียวริเทค ร่วมกันขึ้นในปี 62 โดยยึด Just-iD เป็นชื่อแบรนด์ไว้ เพราะตรงกับคอนเซปต์ของบริการ

คุณสันต์ ซึ่งมีพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ ก่อนมาทำธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัย อธิบายว่าการใช้คนและเทคโนโลยีเดิมยังมีข้อจำกัดอยู่ ทำให้การดูแลไม่ทั่วถึง

แต่แนวคิดของคุณแป้ง นอกจากจะเข้ามาแก้เรื่องเหล่านี้ได้แล้ว ยังสร้างความแตกต่างให้กับบริษัทรปภ. ของคุณสันต์ได้ เมื่อถึงเวลาต้องขายงานให้ลูกค้า

“การได้ร่วมงานกับพี่สันต์ และเริ่มผลิตสิ่งที่เป็นฮาร์ดแวร์ขึ้นมา ให้ลูกค้าจับต้องได้ มันช่วยตอบโจทย์เดิม ที่เค้ารู้สึกว่าระบบของเรามันมีอะไรบางอย่างที่ขาดหายไป”

 

Visitor ก้าวแรกสู่การเติบโต

Visitor ที่ปัจจุบันพัฒนามาถึงเวอร์ชั่นที่ 3 แล้ว คือโปรดักท์ที่เหมือนเรือธง ช่วยให้บริษัทเป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้า เพราะนอกจากจะจับต้องได้แล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องแลกบัตรด้วย

“ปกติ เวลาเราไปที่ไหน การแลกบัตรที่ต้องทิ้งบัตรประชาชนไว้ มันก็ทำให้เรากังวลว่าจะถูกนำไปใช้ทำอะไรรึเปล่า แต่ตัว Visitor จะช่วยตัดปัญหานี้ได้ ด้วยการสแกนชิปจากบัตรเก็บเป็นข้อมูลแทน ในมุมกลับกัน เจ้าของอาคารก็ตรวจสอบได้ทันที ว่ามีใครบ้างเข้าออกพื้นที่ หรือมีใครยังตกค้างในพื้นที่บ้าง?”

ในเวลาสั้น ๆ Visitor ก็ถูกพัฒนาเพิ่มให้ใช้งานได้มากกว่าแค่การเก็บข้อมูลผู้มาติดต่อ แต่ยังทำได้ทั้งคำนวณค่าจอดรถ คัดกรองผู้ป่วยโควิด แบล็คลิสต์บุคคลไม่พึงประสงค์ ฯลฯ และยังขยายไปไกลในธุรกิจอื่น ๆ นอกจากการรักษาความปลอดภัยด้วย

 

รับฟังและพัฒนา เน้นประโยชน์ลูกค้าเป็นหลัก

คุณสันต์ เล่าว่าการที่แบรนด์เติบโตได้ต่อเนื่อง เพราะสามารถพัฒนาโซลูชั่นใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ตามคำขอของลูกค้าได้ ซึ่งหลักการ คือคุณสันต์ที่อยู่หน้างานจะรับฟังปัญหาและความต้องการเหล่านั้น แล้วนำมาปรึกษากับคุณแป้ง เพื่อประมวลว่าฟังก์ชั่นใหม่ ๆ นั้น ตอบโจทย์ลูกค้าในวงกว้างได้ดีแค่ไหน

ถ้าคำตอบคือใช่ ก็จะเริ่มพัฒนาและเพิ่มให้เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นหลัก ที่ลูกค้าทุกรายจะได้รับเหมือนกัน

 

ต่อยอดสู่อนาคต

จากโปรดักท์ที่เป็นเหมือนเรือธงอย่าง Visitor คุณแป้งและคุณสันต์ ก็ค่อย ๆ ต่อยอดไปสู่ตัวอื่น ๆ เพื่อเติมเต็มช่องว่างของระบบรักษาความปลอดภัย เช่น Check (ระบบตรวจสอบการทำงานรปภ. ตามตำแหน่ง เวลา และรายการที่ต้องทำ ฯลฯ) หรือ Air (โซลูชั่นแจ้งเตือน ที่ครอบคลุมตั้งแต่ความร้อน ควัน ความชื้น หรือแม้แต่ PM2.5) ฯลฯ

ซึ่งทั้งหมดสามารถแจ้งเตือนได้ผ่านแอปพลิเคชั่น หรือเช็กได้จากฐานข้อมูลบนคลาวด์ นอกจากจะสะดวกแล้ว ยังช่วยให้รับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันทีด้วย

คุณแป้งเสริมว่า ในอนาคต เมื่อเราเข้าสู่ยุค IoT เต็มตัว การใช้งานผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะยิ่งต่อยอดไปได้ไกลขึ้น และแนวทางตามโรดแมปของบริษัท คือการพัฒนา Open-API เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถ customize ระบบ หรือ third party ก็อาจพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เพื่อมาเชื่อมต่อได้ นำไปสู่การพัฒนาโซลูชั่นใหม่ ๆ ได้แบบไม่สิ้นสุด

เมื่อถึงวันนั้น การแลกบัตรเพื่อเข้าอาคารก็อาจเป็นเรื่องล้าหลัง และคงไม่ใช่แปลก ถ้าเราจะได้เห็นโซลูชั่นใหม่ ๆ ที่ล้ำยิ่งกว่านี้ จากแบรนด์ Just-iD

AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า

Subscribe to Our Newsletter

Loading
Total
0
Shares
Previous Article
อีริคสัน

อีริคสัน ชู 5G ไม่เพิ่มการใช้พลังงาน ช่วยลดโลกร้อน

Next Article

ESG ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ มุ่งสู่ผู้เพาะปลูกกัญชงเอกชนรายใหญ่

Related Posts