ผลสำรวจจาก Chainalysis พบมีนักลงทุนเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ที่ได้ประโยชน์จากกระแสบูมของ NFT ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมักเป็นกลุ่มที่ได้ Whitelist จากเจ้าของโปรเจกต์ให้ซื้อผลงานในราคาถูกเพื่อนำมาเก็งกำไร แทนที่จะเป็นนักลงทุนทั่วไป
ตลาดการสะสมสินทรัพย์ดิจิทัล NFT (Non-fungible Tokens) ถือเป็นอีกวงการที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยมูลค่าซื้อขายรวม สูงถึง 26,900 ล้านดอลลาร์ (900,000 ล้านบาท) ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา
จนแม้แต่บริษัทการประมูลยักษ์ใหญ่อย่าง Sotherby’s หรือ Christie’s ต้องเข้ามามีส่วนร่วม เช่นเดียวกับผู้มีชื่อเสียง ทีมกีฬา หรือศิลปินดัง ๆ และสามารถดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ ให้เข้ามาร่วมลงทุนในตลาดนี้เป็นจำนวนมาก
แต่ผลสำรวจล่าสุด โดย Chainalysis ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจาก Opensea แพลตฟอร์มซื้อขายงาน NFT พบว่ามีคนเพียงส่วนน้อยที่ทำกำไรได้ในตลาดนี้
และเมื่อลงลึกในรายละเอียด จะพบว่า 75.7% ของคนกลุ่มนี้ คือผู้ได้รับสิทธิพิเศษจากเจ้าของโปรเจกต์ที่นำงานมาลงขาย หรือที่เรียกกันว่า Whitelist (ลักษณะคล้ายกับการทำ Initial Coin Offering ที่นิยมทำกันเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว)
จึงสามารถซื้องานดังกล่าวได้ในราคาไม่แพง ก่อนนำมารีเซลเพื่อทำกำไรในราคาสูง ๆ
ส่วนกลุ่มที่ทำกำไรได้โดยไม่ใช่กลุ่ม Whitelist มีเพียง 20.8% เท่านั้น
Chainalysis ยังเผยว่าพบหลักฐานการใช้บอทหรือโปรแกรมช่วย มากว้านซื้องานในช่วง minting events ที่มีราคาไม่แพง เพื่อตัดหน้านักสะสมหรือนักลงทุนธรรมดาที่ไม่ได้อยู่เฝ้าหน้าจอตลอดเวลา
ในกรณีนี้ ยังทำให้นักลงทุนบางรายเสียค่าแกสไปแบบฟรี ๆ แม้ว่าจะทำธุรกรรมไม่สำเร็จ เพราะถูกบอทตัดหน้าไป และลงเอยด้วยการที่ไม่กลับมาประมูลในตลาดนี้อีก เพราะรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน
TAKEAWAY
Chainalysis ยังเสริมว่านอกจากความได้เปรียบเสียเปรียบของนักลงทุนและนักสะสม ในเรื่องข้อมูลเชิงลึก
ในอนาคต วงการนี้ ยังจำเป็นต้องหาข้อสรุปให้กับอีกหลายประเด็น เช่น สิทธิ์ในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ๆ การทำธุรกรรมที่ไม่เกิดขึ้นจริง หรือราคาของ NFT บางชิ้นที่มีราคาลดลงอย่างรวดเร็ว ฯลฯ
พร้อมแนะนำว่านักเทรดหรือนักสะสม จำเป็นต้องมีข้อมูลในมือที่มากพอ รวมถึงเข้าใจว่าในตลาดนี้มีการแข่งขันสูงมาก
เรียบเรียงจาก
Small Group of Insiders Is Reaping Most of the Gains on NFTs, Study Shows
AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า