ในวันที่หลายคนเริ่มชั่งใจกับคริปโตฯ และไม่แน่ใจว่าบล็อกเชนคืออนาคตรึเปล่า
ทีมงาน AHEAD ASIA มีโอกาสนั่งคุยสั้น ๆ ประมาณ 20 นาที กับ เบน ชาน ไดเรกเตอร์ของ UKISS Technology
สตาร์ทอัพจากสิงคโปร์ผู้พัฒนากระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ไม่ได้เน้นแค่เรื่องความปลอดภัย
แต่ยังพยายามแก้ pain point เดิม ๆ ของ Cold Wallet ทั่ว ๆ ไป ให้ใคร ๆ ก็ใช้ได้แบบง่าย ๆ
ว่าทำไมเทคโนโลยีเหล่านี้ถึงสำคัญ และเรายังควรเชื่อมั่นกับมันต่อไป
คุณเบน เล่าว่าก่อนจะมาทำ UKISS เขาทำงานด้าน computer science มากว่า 30 ปี
จนมาเริ่มรู้จักบล็อกเชน และคริปโตฯ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ก็หันมาศึกษาด้านนี้อย่างเต็มตัว
และเริ่มโปรเจกต์ UKISS เมื่อสองปีก่อน เพราะเชื่อว่า Web 3.0 คืออนาคต
เมื่อคนจะหันมาใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลมากขึ้น
ทำไม Web 3.0 ถึงสำคัญ?
คุณเบนอธิบายว่าอินเทอร์เน็ตที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ คือ Web 2.0 คือมีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน
แต่ในแง่การควบคุมนั้น ทุกอย่างยังเป็นแบบ “รวมศูนย์” (centralized)
แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Google หรือแม้แต่เอ็กซ์เชนจ์ต่าง ๆ คือฝ่ายที่เก็บและควบคุมข้อมูลของเราไว้ และนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้า
หรือถ้าจู่ ๆ เอ็กซ์เชนจ์ที่เราใช้บริการ เกิดปิดตัวไปกะทันหัน ก็อาจจะหมดสิทธิ์ทวงคืนข้อมูลสินทรัพย์ทั้งหมดที่เราฝากไว้ได้
กลับกัน ถ้าเป็น Web 3.0 เราในฐานะเจ้าของข้อมูล จะคุมได้หมด หรือแม้แต่นำไปสร้างประโยชน์ทางการค้าได้ด้วยตัวเอง
เกิดอะไรขึ้นกับตลาดคริปโตฯ ตอนนี้?
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็น “ตลาดหมี” และราคาคริปโตฯ แม้แต่ BTC ยังร่วงเอา ๆ แบบนี้
คุณเบน อธิบายว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะคริปโตเคอร์เรนซียังเป็นตลาดที่ใหม่มาก
คืออายุราว ๆ 13 ปี ถ้าเทียบกับตลาดหุ้นที่อยู่มากว่าร้อยปี
ที่ผ่านมา วัฎจักรของตลาดคริปโตแต่ละรอบ จะอยู่ที่ราว 4 ปี หลังจากขึ้นสุดแล้ว ก็ต้องมีลง
แต่ในอนาคต จะเสถียรกว่านี้ เมื่อบล็อกเชนและเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ถูกนำมาใช้ในวงกว้าง
สำหรับคนที่ “ไม่เชื่อ” ในบล็อกเชนและคริปโต
ก็เป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกัน ที่น่าจะมีคน “ไม่เชื่อ” มากกว่า “เชื่อ” เพราะของพวกนี้เป็นเทคโนโลยีใหม่
อัตราส่วนผู้ใช้งาน ปัจจุบันน่าจะอยู่แค่ราว 3 ล้านคน ถือว่าน้อยมาก ถ้าเทียบกับจำนวนคนทั้งโลก
แต่ทุกเทคโนโลยีก็ต้องการเวลาในการพิสูจน์ว่ามันใช้งานได้จริง
คุณเบน ยกตัวอย่างอินเทอร์เน็ต ที่เมื่อ 20 ปีก่อน ไม่มีใครคิดว่ามันจะทำได้มากขนาดนี้ แต่ปัจจุบัน เราแทบจะทำทุกอย่างได้บนสมาร์ทโฟน
บล็อกเชนหรือคริปโตฯ ก็ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา คุณเบน ที่คลุกคลีกับ computer science มากว่า 30 ปี ก็ยังมองเห็นศักยภาพ และเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้มีอนาคต
คำแนะนำสั้น ๆ จากคุณเบนถึงคนที่ไม่เชื่อ คืออยากให้เปิดใจกว้าง เพราะวันหนึ่ง มันก็อาจทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับอินเทอร์เน็ตมาแล้ว
UKISS กระเป๋าเงินดิจิทัลที่ง่ายสำหรับทุกคน
การเก็บรักษาเงินดิจิทัลที่ถือเป็นข้อมูลประเภทหนึ่ง ควรจะเก็บไว้ในวอลเลท ซึ่งมีทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์
แต่วิธีที่เชื่อกันว่าดีที่สุด คือการเก็บแบบออฟไลน์ ในฮาร์ดแวร์ หรือที่เรียกกันว่า Cold Wallet
แต่ก็ยังมีปัญหาเกิดขึ้นเสมอ ทั้งการทำหาย หรือการที่เจ้าของวอลเลทจำ Private Key ไม่ได้
สิ่งที่คุณเบนและ UKISS ทำ คือแก้ปัญหาเหล่านี้ ด้วย Hugware ประกอบด้วย A-Key เป็นตัววอลเลท และ R-Key เป็นตัวแบ็กอัพ
โดยในการใช้งานครั้งแรก ทั้งสองตัวจะ sync ข้อมูลกัน จากนั้น สิ่งที่ต้องทำ ก็คือนำ R-Key ไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย และใช้ A-Key ตามปกติ
ถ้า A-Key หาย หรือจำ Private Key ไม่ได้ ก็แค่นำ R-Key ที่เก็บไว้ เพื่อดึงข้อมูลกลับมา และ sync กับ A-Key ตัวใหม่เท่านั้น
คุณเบนเชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้คนทั่วไปมั่นใจมากขึ้น ในการเก็บเงินดิจิทัลในโคลด์ วอลเลท ซึ่งในทางปฏิบัติ ก็ถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดด้วย
เทคโนโลยีของ UKISS นั้นได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว และก็เริ่มเปิดขายผ่านเว็บไซต์ของบริษัท เมื่อไม่นานมานี้เอง โดยในช่วงแรกนี้ สามารถใช้โค้ด UKISS88 เพื่อซื้อทั้งเซตได้ในราคา 88 ดอลลาร์ จากราคาเต็ม 139 ดอลลาร์ จำกัดจำนวนเพียง 100 ชุดเท่านั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://whitepaper.ukiss.io
AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า