Generative AI เตรียมเจอบททดสอบใหม่ หลังศิลปินเจ้าของผลงาน และต้นสังกัด เรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเทคโนโลยีเหล่านี้ หลังพบมีการใช้งานที่เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์เกลื่อนโลกออนไลน์
ความนิยมในการใช้ AI สร้างคอนเทนต์ต่าง ๆ ทั้งบทความ รูปภาพ และเพลงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ขณะที่กลุ่ม early adopter มอง AI ว่าเป็นเครื่องมือที่จะนำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่
แต่ศิลปินและคนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกลับมองว่าฝ่ายตนกำลังถูกละเมิดลิขสิทธิ์ จากการนำผลงานไปใช้เพื่อเทรน AI และใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา กลุ่มศิลปิน นำโดยนักวาดการ์ตูน ซาราห์ แอนเดอร์สัน และเว็บไซต์ซื้อขายรูปภาพยักษ์ใหญ่ Getty Images ได้ยื่นฟ้อง Stability AI ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ Stable Diffusion ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์
ในอุตสาหกรรมดนตรีก็เช่นกัน Universal Music Group ก็แจ้งต่อแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ เช่น Spotify หรือ Apple Music ให้บล็อกการใช้งานเพลงจากการเจเนอเรทโดย AI หลังมีเพลงลักษณะนี้ปรากฎบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา เช่น การใช้เสียงของ Drake เทรน AI เพื่อคัฟเวอร์เพลงของศิลปินคนอื่น ๆ อย่าง “Munch” ของ Ice Spice, “OMG” ของ NewJeans และ “Flower” ของ JISOO
Drake กล่าวด้วยความไม่พอใจถึงเรื่องนี้ว่าเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ระหว่างเขากับ AI
มาร์ค เลมลีย์ ผู้อำนวยการของ Stanford Law of School ให้ความเห็นใน Texas Law Review ว่า ตามกฎหมายปัจจุบัน ผลงานที่มีลิขสิทธิ์สามารถนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ในรูปแบบของการแสดงความคิดเห็น วิจารณ์ หรือดัดแปลงให้อยู่ในรูปแบบอื่น แต่ยังไม่ครอบคลุมถึงการทำโดยบอทหรือ AI
ในกรณีนี้ เลมลีย์ กำลังเรียกร้องให้มีการวางมาตรฐานใหม่สำหรับการนำเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ไปเทรน AI ซึ่งอาจได้รับอนุญาต หากเป็นการใช้เพื่อเรียนรู้ แต่ถ้าเป็นการเจตนาเพื่อทำซ้ำ ไม่ควรได้รับการยกเว้น
นอกจากนี้ ยังมีคำถามเพิ่มเติมว่าใครคือผู้กระทำผิด ระหว่างผู้ใช้งาน AI หรือบริษัทที่พัฒนา AI นี้ขึ้นมา หรือทั้งสองฝ่าย
ยังมีประเด็นเรื่องการจดลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของผลงานที่ AI สร้างขึ้นด้วย เพราะปัจจุบัน มีเพียงผลงานของมนุษย์เท่านั้นที่จดลิขสิทธิ์ได้ ขณะที่หน่วยงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา ยังเลือกปฏิเสธผลงานที่ใช้ AI ช่วยในการสร้าง แม้จะมีการดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเติมโดยมนุษย์ก็ตาม
แต่ในอนาคต กฎหมายที่เกี่ยวข้องจะมีการเปลี่ยนแปลงในที่สุด เมื่อการใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยเพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ มีมากจนกลายเป็นเรื่องปกติ
Source : Insider, New York Times
AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า
