จีน แซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นเป็นผู้นำในเทคโนโลยีหลัก ด้วยการรั้งอันดับ 1 ในการจัดอันดับถึง 37 จาก 44 ประเภทในดัชนี Critical Technology Tracker อาทิ 5G และ 6G, พลังงานไฮโดรเจน แบตเตอรี่ อากาศยาน ระบบอัตโนมัติ ฯลฯ
ในดัชนีดังกล่าว ซึ่งจัดทำโดย Australian Strategic Policy Institute หรือ ASPI จีน เป็นผู้นำในงานวิจัยเทคโนโลยีสำคัญ 37 ประเภท
ในจำนวนนี้ มี 8 ประเภทที่มีระดับความเสี่ยงสูงในการเข้าข่ายผูกขาด ประกอบด้วย
นาโนเทคโนโลยี
เทคโนโลยีการเคลือบ
การสื่อสารด้วยคลื่นวิทยุ (5G และ 6G)
พลังงานไฮโดรเจนและแอมโมเนีย
ตัวเก็บประจุยิ่งยวด (Supercapacitor)
แบตเตอรี่ไฟฟ้า
ชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology)
โฟตอนเซนเซอร์
และอีก 15 ประเภท ที่อยู่ในระดับเสี่ยงปานกลาง อาทิ AI, ดาต้า อนาไลติกส์, การจัดการขยะนิวเคลียร์, กระบวนการผลิตทางชีวะ, อากาศยาน และโดรน ฯลฯ
ขณะที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำใน 7 ประเภทเทคโนโลยี คือ คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง, การออกแบบวงจร, การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP), ควอนตัมคอมพิวเตอร์, วัคซีน, ดาวเทียมขนาดเล็ก และระบบการส่งยานสู่อวกาศ และเป็นอันดับสองในกลุ่มเทคโนโลยีเกือบทั้งหมด
แม้แต่ในด้านการศึกษา สถาบันด้านวิทยาศาสตร์ของจีนก็ติดท็อป 5 ถึง 27 จาก 44 ประเภทเทคโนโลยี
เจมี ไกดา นักวิเคราะห์อาวุโสของ ASPI ให้ความเห็นว่าหนี่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้จีนมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด เป็นผลจากการสนับสนุนโดยตรง ตามนโยบายระยะยาวของทางการจีน เมื่อเทียบกับระบอบประชาธิปไตยในโลกตะวันตก ซึ่งกลายเป็นข้อจำกัดไปแทน
ASPI วิเคราะห์ว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน จะยิ่งส่งผลให้ช่องว่างทางเทคโนโลยี ซึ่งจีนกับสหรัฐฯทิ้งห่างชาติอื่น ๆ อยู่ยิ่งถ่างกว้างออกไปเรื่อย ๆ
Source : ASPI
AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า