ชามัท ปาลิฮาปิติยา มหาเศรษฐีนักลงทุนสายเทคโนโลยี จวกยับการทำงานของหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะ SEC ว่าเป็นต้นเหตุการล่มสลายของอุตสาหกรรมคริปโตฯในสหรัฐฯ
ปาลิฮาปิติยา หนึ่งในผู้บริหารยุคบุกเบิกของ Facebook ซึ่งผันตัวมาเป็นนักลงทุนสายเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จเคยให้ความเห็นเมื่อต้นปี 2021 ว่า บิทคอยน์จะเป็นสินทรัพย์ที่มาแทนทองคำ และมีโอกาสไต่ระดับไปถึง 200,000 ดอลลาร์ (6.8 ล้านบาท) ต่อหน่วย
แต่หลังทำ ATH ที่ 69,000 ดอลลาร์ ในเดือนพฤศจิกายน ราคาของบิทคอยน์ก็ตกลงเรื่อย ๆ หลังการขึ้นดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ จนปัจจุบัน ตกลงมาเหลือราว 27,300 ดอลลาร์ หรือตกลงจากตอน ATH ราว 60%
ล่าสุด ปาลิฮาปิติยา ให้ความเห็นในตอนล่าสุดของพอดแคสต์รายการ All-in ว่าอุตสาหกรรมคริปโตฯ ในสหรัฐฯ นั้น“ตายแล้ว”
และพุ่งเป้าไปที่การทำงานของหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะ แกรี เกนส์เลอร์ ประธาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ว่าเป็นตัวการสำคัญ
“แม้แต่เรื่องวิกฤตธนาคาร เกนส์เลอร์ ยังโยนให้เป็นความผิดของคริปโตฯ” ปาลิฮาปิติยา กล่าว
ปาลิฮาปิติยา ไม่ใช่แค่คนในแวดวงเทคโนโลยีรายเดียวที่มองว่า เกนส์เลอร์ คือต้นเหตุของปัญหา
ไบรอัน อาร์มสตรอง ซีอีโอของ Coinbase เอ็กซ์เชนจ์รายใหญ่ในสหรัฐฯ ก็กล่าวว่าเตรียมยื่นฟ้องร้อง SEC และมีแผนย้ายสำนักงานออกจากสหรัฐฯ หากไม่มีการแก้ข้อกฎหมายให้ชัดเจนขึ้น
แม้แต่ แพทริค แม็คเฮนรี ประธานคณะกรรมการสภาพบริการทางการเงินของสหรัฐฯ ยังกล่าวตำหนิการทำงานของเกนส์เลอร์ ในการใช้อำนาจทางกฎหมายเอาผิดกับบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ แม้แต่ในเรื่องที่บริษัทเหล่านั้นอาจไม่รู้ล่วงหน้าว่ากฎหมายดังกล่าวครอบคลุม และมีผลบังคับใช้กับพวกตน
Source : CNBC
AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า