แซม อัลท์แมน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI กล่าวต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่าการออกกฎหมายควบคุมAI เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันผลกระทบมากมายที่อาจเกิดตามมา
ChatGPT ซึ่งพัฒนาโดย OpenAI ได้รับความนิยมอย่างสูงไปทั่วโลก นับแต่เปิดให้ใช้งาน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว และเป็นใบเบิกทางให้บริษัทฯ อื่น ๆ พัฒนาปัญญาประดิษฐ์อีกหลายรูปแบบสู่ท้องตลาด จนสร้างความกังวลให้กับหลายฝ่าย ว่าอาจส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม
อัลท์แมน ที่ถูกเรียกเข้าพบเพื่อตอบคำถามตอคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐฯ พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญด้าน AI อีกสองราย คือ แกรี มาร์คัส ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และ คริสตินา มอนต์โกเมอรี หัวหน้าฝ่ายดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของ IBM เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ยอมรับว่าการพัฒนาและใช้งาน AI จำเป็นต้องอยู่ในการควบคุมของหน่วยงานรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา
อัลท์แมน มองว่าการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดและมีอคติแก่ผู้คน คือประเด็นที่เขากังวลมากที่สุด ใกล้เคียงกับที่ มอนต์โกเมอรี กล่าวว่าอาจมีการนำไปใช้สร้างข้อมูลผิด ๆ เพื่อหวังผลในการเลือกตั้งและทางการเมือง
ขณะที่ มาร์คัส เสริมว่าผลกระทบต่ออาชีพต่าง ๆ ที่เกิดจาก AI อาจแตกต่างไปจากการถูกดิสรัปท์โดยเทคโนโลยีอื่นๆ
สำหรับแนวทางในการกำกับดูแล AI นั้น อัลท์แมน เสนอว่าควรมีหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจในการออกใบอนุญาตเพื่อการพัฒนา AI และสิทธิ์ในการถอนใบอนุญาต หากพบว่า AI นั้นไม่ผ่านเกณฑ์ความปลอดภัยที่รัฐตั้งไว้
เรื่องที่สองคือการวางมาตรฐานความปลอดภัย สำหรับ AI ที่มีศักยภาภาพระดับสูง (เช่น ห้ามการจำลองตัวเองเพิ่ม) มีเกณฑ์การทดสอบที่ทุกโมเดลต้องผ่าน และการประเมินความถูกต้องของข้อมูลของ AI หรือควบคุมไม่ให้สร้างหรือเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นอันตราย
และสุดท้าย คือการตั้งหน่วยงานตรวจสอบอิสระ โดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับผู้พัฒนาหรือหน่วยงานรัฐ เพื่อให้การพัฒนาและใช้งานเครื่องมือเหล่านี้เป็นไปตามไกด์ไลน์ของรัฐ
มาร์คัส และ มอนต์โกเมอรี เสริมว่าทีมพัฒนา AI จำเป็นต้องมีความโปร่งใส สามารถอธิบายถึงที่มาของข้อมูลที่นำมาใช้ในการเทรนปัญญาประดิษฐ์ด้วย
ด้านวุฒิสมาชิก ริชาร์ด บลูเมนธัล แสดงความเห็นด้วยกับแนวคิดของตัวแทนภาคเอกชนทั้งสามราย และเสริมว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต ที่ปล่อยให้โซเชียลมีเดียมีอิสระมากเกินไปในการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล และเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดพลาด และพยายามควบคุม AI เพื่อไม่ให้ก่อปัญหาซ้ำรอยเดิม
Source : TIME
AHEAD ASIA นวัตกรรม ล้ำหน้า